พาไปกินพิซซ่าเหลี่ยมที่กรุงโรม

พาไปกินพิซซ่าเหลี่ยมที่กรุงโรม

29 ก.ค. 2566

SHARE WITH:

29 ก.ค. 2566

29 ก.ค. 2566

SHARE WITH:

SHARE WITH:

พาไปกินพิซซ่าเหลี่ยมที่กรุงโรม

ถ้าจะให้พูดถึงของกินคู่บ้านคู่เมืองของชาวอิตาลี จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากพิซซ่า อาหารสิ้นคิดของคนพื้นถิ่น ไม่รู้จะกินอะไร เพียงแค่เดินออกไปก็เจอ ประหนึ่งว่าพิซซ่าก็แค่ปากซอย

พอเป็นพิซซ่า หลายคนก็คงจะนึกถึง Pizza Napolitana (ปิซซา นาโปลีตานา) ขอบหนานุ่ม อันโด่งดัง แต่ครั้งนี้เราจะพูดถึง Pizza Romana (โรมานา) ขอบบางและ กรอบ ตามที่ชาวโรมเรียกกันว่า bassa e scrocchiarella (บาสซา เอ สครอคเคียเรลลา) อาหารขึ้นชื่อสตรีทฟู้ดของกรุงโรมที่ไม่ว่าจะเดินไปตามถนนเส้นไหนก็หาเจอได้ไม่ยาก ซึ่งร้านขายพิซซ่าโรมานามีมากถึงประมาณ 12,500 ร้าน ทั้งในและนอกตัวเมือง


พิซซ่าโรมานามีต้นกำเนิดหลากหลายเวอร์ชั่น บ้างก็ว่าในช่วงหลังสงครามโลก ราวๆ ปี 1950 ร้านพิซซ่าโรมานาได้ทำการเปิดกิจการแห่งแรกร่วมกับการขายเบียร์และไวน์ไปพร้อมกัน หลังจากนั้นก็เป็นที่รู้จักแพร่หลายในกรุงโรม และบริเวณโดยรอบ

บ้างก็ว่าเกิดจากร้านขายขนมปัง ที่ใช้แป้งเหลือจากการทำขนมปัง มาผสมกับวัตถุดิบใส่อัตราส่วนที่ต่างกัน โดยทำการอบด้วยเครื่องอบขนมปัง แล้วราดซอสมะเขือเทศ หรือราดน้ำมันมะกอกบนหน้าพิซซ่าก่อนเอาไปอบด้วย จึงกลายเป็น Pizza in teglia ตั้งแต่ช่วงปี 1970 จากนั้นเป็นต้นมา ร้านพิซซ่าแบบ Pizza in teglia (พิซซ่าตัด) นั้น ก็กลายเป็นอาหารจานด่วนที่ฮอตฮิตที่สุดในกรุงโรมในที่สุด


Pizza in teglia alla romana (ปิซซา อิน เทญา อัลลา โรมานา) หากเดินไปตามตรอกซอกซอยในกรุงโรม ช่วงเที่ยงของวันตามร้านพิซซ่าตัดก็จะคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยความที่กินง่าย เดินกินก็ได้ นั่งกินก็ได้ สามารถเลือกหน้าได้หลากหลายตามที่ทางร้านได้จัดเตรียมไว้ จะทานเยอะทานน้อย หลังจากเลือกหน้า พนักงานจะถามว่าจะให้ตัดขนาดไหน บอกตามปริมาณที่เราต้องการได้เลย และที่สำคัญ ราคาสบายกระเป๋า

ลักษณะเด่นของพิซซ่าชนิดนี้จะมีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆ ขนาดประมาณ 60×40 ซม. โดยมีความหนาประมาณ 15 ถึง 30 มม. วางในถาดระหว่างการอบ มีทั้งแบบ Pizza Bianca (พิซซ่าเปล่าที่เพิ่มรสชาติด้วยการโรยเกลือและน้ำมันมะกอก) Pizza Rossa (พิซซ่าที่โรยหน้าด้วยซอสมะเขือเทศ) และหน้าอื่นๆ แล้วแต่เอกลักษณ์ของแต่ละร้าน


Pizza Romana rotonda (พิซซ่ากลม) แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าต้องเป็นทรงกลม คลาสสิคแบบพิซซ่าทั่วไป แต่ความพิเศษคือ จะต้องอบด้วยเตาถ่านเท่านั้น ด้วยส่วนผสมของแป้งที่แตกต่างจากพิซซ่านาโปลิตานาที่ใช้แป้งผสมกับน้ำในสัดส่วนที่เกือบจะเท่ากัน แต่ในพิซซ่าโรมานาจะใส่แป้งมากกว่าน้ำ แล้วพักแป้งทิ้งไว้ให้ยีสต์ทำงานประมาณ 8 ชั่วโมง

จากนั้นนวดแป้งเป็นทรงกลมแผ่ให้ทั่วเสมอหันก่อนนำไปอบ จึงทำให้เป็นลักษะเด่นของพิซซ่าโรมานาที่มีความบาง กรอบ และหอมกลิ่นเตาถ่าน Pizza โดย Romana Rotonda หาทานได้ตามร้านอาหารท้องถิ่น (Trattoria) ทั่วไป ทั้งในกรุงโรมและเมืองต่างๆ รอบนอก


แล้วคนโรมแท้ๆ ชอบกินพิซซ่าหน้าอะไรนั้น จากการพูดคุยกับคนท้องถิ่น พิซซ่ายอดฮิตนอกจากหน้า Margherita (มาร์เกริตา) สุดคลาสสิค ที่ราดด้วยซอสมะเขือเทศ โรยด้วยชีสโมซาเรลลา โหระพาอิตาลีแล้ว ขอแนะนำหน้า Fiori e alici (ฟิโอริ เอ อาลิชี) ซึ่งโรยดอกซุคคีนี ปลาแองโชวี่ และชีสโมซาเรลลา พิซซ่าที่หน้าตาดูเหลืองๆ จากดอกซุคคีนี และมีความเค็มอย่างลงตัวจากปลาแองโชวี่ จึงทำให้รสชาติกลมกล่อมถูกปากคนท้องถิ่น

ส่วนวันไหนอยากกินเผ็ดๆหน่อย ให้สั่ง Diavola (เดียโวลา) พิซซ่ารสเผ็ดที่ราดด้วยซอสมะเขือเทศ salamiรสเผ็ด และชีสโมซาเรลลา หรือถ้าอยากกินแบบหนักเครื่องก็ต้อง Capricciosa (คาปริคโชซา) พิซซ่ารวมเครื่อง ราดซอสมะเขือเทศ โรยด้วยแชมปิญอง แฮม ไข่ มะกอกดำ และอาร์ติโช้ค

แต่เท่านี้ยังไม่หมด หากใครเคยเข้าร้านพิซซ่าที่อิตาลีจะเข้าใจดีว่าเมนูในร้านพิซซ่านั้นมีให้เลือกเยอะมาก ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะพิซซ่านั้นเป็นชีวิตและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมชาวอิตาลีไปแล้ว เรียกว่ายืนอยู่ยาวนานตลอดมาและจะคงอยู่ตลอดไป แต่จะในหน้าตาหรือรูปแบบไหน ก็ต้องติดตามกันต่อ




ถ้าจะให้พูดถึงของกินคู่บ้านคู่เมืองของชาวอิตาลี จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากพิซซ่า อาหารสิ้นคิดของคนพื้นถิ่น ไม่รู้จะกินอะไร เพียงแค่เดินออกไปก็เจอ ประหนึ่งว่าพิซซ่าก็แค่ปากซอย

พอเป็นพิซซ่า หลายคนก็คงจะนึกถึง Pizza Napolitana (ปิซซา นาโปลีตานา) ขอบหนานุ่ม อันโด่งดัง แต่ครั้งนี้เราจะพูดถึง Pizza Romana (โรมานา) ขอบบางและ กรอบ ตามที่ชาวโรมเรียกกันว่า bassa e scrocchiarella (บาสซา เอ สครอคเคียเรลลา) อาหารขึ้นชื่อสตรีทฟู้ดของกรุงโรมที่ไม่ว่าจะเดินไปตามถนนเส้นไหนก็หาเจอได้ไม่ยาก ซึ่งร้านขายพิซซ่าโรมานามีมากถึงประมาณ 12,500 ร้าน ทั้งในและนอกตัวเมือง


พิซซ่าโรมานามีต้นกำเนิดหลากหลายเวอร์ชั่น บ้างก็ว่าในช่วงหลังสงครามโลก ราวๆ ปี 1950 ร้านพิซซ่าโรมานาได้ทำการเปิดกิจการแห่งแรกร่วมกับการขายเบียร์และไวน์ไปพร้อมกัน หลังจากนั้นก็เป็นที่รู้จักแพร่หลายในกรุงโรม และบริเวณโดยรอบ

บ้างก็ว่าเกิดจากร้านขายขนมปัง ที่ใช้แป้งเหลือจากการทำขนมปัง มาผสมกับวัตถุดิบใส่อัตราส่วนที่ต่างกัน โดยทำการอบด้วยเครื่องอบขนมปัง แล้วราดซอสมะเขือเทศ หรือราดน้ำมันมะกอกบนหน้าพิซซ่าก่อนเอาไปอบด้วย จึงกลายเป็น Pizza in teglia ตั้งแต่ช่วงปี 1970 จากนั้นเป็นต้นมา ร้านพิซซ่าแบบ Pizza in teglia (พิซซ่าตัด) นั้น ก็กลายเป็นอาหารจานด่วนที่ฮอตฮิตที่สุดในกรุงโรมในที่สุด


Pizza in teglia alla romana (ปิซซา อิน เทญา อัลลา โรมานา) หากเดินไปตามตรอกซอกซอยในกรุงโรม ช่วงเที่ยงของวันตามร้านพิซซ่าตัดก็จะคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยความที่กินง่าย เดินกินก็ได้ นั่งกินก็ได้ สามารถเลือกหน้าได้หลากหลายตามที่ทางร้านได้จัดเตรียมไว้ จะทานเยอะทานน้อย หลังจากเลือกหน้า พนักงานจะถามว่าจะให้ตัดขนาดไหน บอกตามปริมาณที่เราต้องการได้เลย และที่สำคัญ ราคาสบายกระเป๋า

ลักษณะเด่นของพิซซ่าชนิดนี้จะมีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆ ขนาดประมาณ 60×40 ซม. โดยมีความหนาประมาณ 15 ถึง 30 มม. วางในถาดระหว่างการอบ มีทั้งแบบ Pizza Bianca (พิซซ่าเปล่าที่เพิ่มรสชาติด้วยการโรยเกลือและน้ำมันมะกอก) Pizza Rossa (พิซซ่าที่โรยหน้าด้วยซอสมะเขือเทศ) และหน้าอื่นๆ แล้วแต่เอกลักษณ์ของแต่ละร้าน


Pizza Romana rotonda (พิซซ่ากลม) แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าต้องเป็นทรงกลม คลาสสิคแบบพิซซ่าทั่วไป แต่ความพิเศษคือ จะต้องอบด้วยเตาถ่านเท่านั้น ด้วยส่วนผสมของแป้งที่แตกต่างจากพิซซ่านาโปลิตานาที่ใช้แป้งผสมกับน้ำในสัดส่วนที่เกือบจะเท่ากัน แต่ในพิซซ่าโรมานาจะใส่แป้งมากกว่าน้ำ แล้วพักแป้งทิ้งไว้ให้ยีสต์ทำงานประมาณ 8 ชั่วโมง

จากนั้นนวดแป้งเป็นทรงกลมแผ่ให้ทั่วเสมอหันก่อนนำไปอบ จึงทำให้เป็นลักษะเด่นของพิซซ่าโรมานาที่มีความบาง กรอบ และหอมกลิ่นเตาถ่าน Pizza โดย Romana Rotonda หาทานได้ตามร้านอาหารท้องถิ่น (Trattoria) ทั่วไป ทั้งในกรุงโรมและเมืองต่างๆ รอบนอก


แล้วคนโรมแท้ๆ ชอบกินพิซซ่าหน้าอะไรนั้น จากการพูดคุยกับคนท้องถิ่น พิซซ่ายอดฮิตนอกจากหน้า Margherita (มาร์เกริตา) สุดคลาสสิค ที่ราดด้วยซอสมะเขือเทศ โรยด้วยชีสโมซาเรลลา โหระพาอิตาลีแล้ว ขอแนะนำหน้า Fiori e alici (ฟิโอริ เอ อาลิชี) ซึ่งโรยดอกซุคคีนี ปลาแองโชวี่ และชีสโมซาเรลลา พิซซ่าที่หน้าตาดูเหลืองๆ จากดอกซุคคีนี และมีความเค็มอย่างลงตัวจากปลาแองโชวี่ จึงทำให้รสชาติกลมกล่อมถูกปากคนท้องถิ่น

ส่วนวันไหนอยากกินเผ็ดๆหน่อย ให้สั่ง Diavola (เดียโวลา) พิซซ่ารสเผ็ดที่ราดด้วยซอสมะเขือเทศ salamiรสเผ็ด และชีสโมซาเรลลา หรือถ้าอยากกินแบบหนักเครื่องก็ต้อง Capricciosa (คาปริคโชซา) พิซซ่ารวมเครื่อง ราดซอสมะเขือเทศ โรยด้วยแชมปิญอง แฮม ไข่ มะกอกดำ และอาร์ติโช้ค

แต่เท่านี้ยังไม่หมด หากใครเคยเข้าร้านพิซซ่าที่อิตาลีจะเข้าใจดีว่าเมนูในร้านพิซซ่านั้นมีให้เลือกเยอะมาก ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะพิซซ่านั้นเป็นชีวิตและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมชาวอิตาลีไปแล้ว เรียกว่ายืนอยู่ยาวนานตลอดมาและจะคงอยู่ตลอดไป แต่จะในหน้าตาหรือรูปแบบไหน ก็ต้องติดตามกันต่อ




Text:

Rung Dumdump

Rung Dumdump

PHOTO:

Related Posts