Maddy Hopper รองเท้าผ้าใบที่ตั้งใจให้ใส่ได้ทุกวัน จากวัสดุรีไซเคิลที่ต้นทางอยู่ในชีวิตของผู้คน
Maddy Hopper รองเท้าผ้าใบที่ตั้งใจให้ใส่ได้ทุกวัน จากวัสดุรีไซเคิลที่ต้นทางอยู่ในชีวิตของผู้คน
8 มี.ค. 2567
SHARE WITH:
8 มี.ค. 2567
8 มี.ค. 2567
SHARE WITH:
SHARE WITH:
Maddy Hopper รองเท้าผ้าใบที่ตั้งใจให้ใส่ได้ทุกวัน จากวัสดุรีไซเคิลที่ต้นทางอยู่ในชีวิตของผู้คน
![](https://framerusercontent.com/images/PrgABSMQ7Q4N247h4AfnpNrs4.jpg)
![](https://framerusercontent.com/images/PrgABSMQ7Q4N247h4AfnpNrs4.jpg)
![](https://framerusercontent.com/images/PrgABSMQ7Q4N247h4AfnpNrs4.jpg)
“ผมว่าความท้าทายมันอยู่ในการทำธุรกิจอยู่แล้วครับ แต่ว่าความยั่งยืนมันเพิ่มเข้ามาอีก คือความท้าทายที่ว่า เราสามารถทำในสิ่งที่เราคิดได้หรือเปล่า เราต้องคิดมากกว่าในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเล็กครับ มันเป็นเรื่องที่เหมือนกับมีอีกพาร์ตใหญ่ๆ เพิ่มเข้ามา”
จากวัยรุ่นวัยย่าง 27 สองคน ภาคิน โรจนเวคิน และ ชาญ สิทธิญาวณิชย์ ที่อยากได้รองเท้าใส่สบายทุกวัน บวกกับความต้องการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม จึงเกิดเป็น Maddy Hopper แบรนด์รองเท้าผ้าใบที่มาพร้อมกับหมัดฮุคที่ว่า ‘รองเท้าผลิตจากขวดพลาสติก’ โดยที่ตอนนั้นทั้งคู่มีความรู้ในเรื่องธุรกิจเพียงอย่างเดียว
สิ่งที่จะมาเติมเต็มด้านดีไซน์ของรองเท้าจึงเป็นแพชชั่น ซึ่งต้องทำงานร่วมกันกับมิชชั่นที่จะสร้างสรรค์รองเท้าที่ทำมาจากวัสดุรีไซเคิลให้ได้ทั้งหมด การเดินเท้าบนระยะเวลา 3 ปีของ Maddy Hopper จึงเริ่มต้นขึ้น
IIIi - ขวดพลาสติก เศษฟูกเตียง ยางพาราธรรมชาติ และการเย็บมือ ตอบโจทย์ทุกข้ออย่างที่ต้องการ
![](https://framerusercontent.com/images/EfzoKaHmadxYxXGAmn3HfbFXW50.jpg)
จากโจทย์ที่ตั้งไว้คือรองเท้าผ้าใบรักษ์โลกที่ใช้งานได้ทุกวัน การทำรีเสิร์ชจึงเป็นไฟต์บังคับข้อแรกที่ทำให้ทั้งสองต้องเริ่มเรียนรู้เรื่องงานดีไซน์จากศูนย์
“เราเริ่มตั้งแต่กูเกิลว่า รองเท้าทำยังไง ต้องใช้กระบวนการยังไงบ้าง โรงงานมีกี่แบบ แล้วในระบบนิเวศของการทำรองเท้ามันมีฟังก์ชั่นไหนบ้าง แล้วค่อยศึกษาต่อว่า เราจะเปลี่ยนบางสิ่งในนั้นให้มันยั่งยืนขึ้นได้ยังไงบ้าง” ทั้งสองเริ่มจากการแก้ปัญหาที่ต้นทางเป็นระยะเวลาร่วมปี ก่อนจะออกมาเป็นโปรดักต์จริง
สิ่งสำคัญของการผลิตคือวัสดุตั้งต้น ความท้าทายแรกที่ต้องพบเจอคือการควานหาวัสดุจากทั่วสารทิศที่มีอยู่ในท้องตลาดให้ได้ตามสเปกและวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
![](https://framerusercontent.com/images/AUzdODAzJtm0DN7kNEiNQHN9Qgk.jpg)
“พอเป็นแนวคิดแบบนี้ กลายเป็นว่ารองเท้าทั้งคู่ เราต้องหาซัพพลายเออร์ของแต่ละชิ้นส่วนของรองเท้าจากต่างที่กัน และสามารถทำตามความพอใจในเรื่องความยั่งยืนให้กับเราได้ ซึ่งตอนนั้นไม่ได้ง่ายตรงที่ว่า ตัวผ้าขวดพลาสติกไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น เราก็ไปหาจนเจอ ถึงแม้เราจะไม่ได้เอาขวดพลาสติกมารีไซเคิลเอง แต่เราก็ต้องมานั่งทดลองกับเขา ว่าต้องเป็นผ้าที่สีได้ด้วย แล้วต้องผลิตใหม่”
“หรืออย่างตัวแผ่นรองเท้าก็ไม่ใช่แผ่นสำเร็จรูป เราก็พยายามหาว่าอะไรที่มันยั่งยืนและมีฟังก์ชั่นซัพพอร์ตเท้าได้ด้วย เราก็ไปเจอว่า ยางพาราของประเทศไทยมันน่าจะช่วยได้ดี เราคุยกับโรงงานเตียงแทนที่จะเป็นโรงงานรองเท้า แล้วก็พลิกแพลงเอาเศษฟูกเตียงที่เหลือจากการตัดขอบเอามาอัดเป็นแผ่นใหม่ ส่วนพื้นโซลรองเท้า เราก็ใช้ยางพาราธรรมชาติ”
![](https://framerusercontent.com/images/iiGumlRatc6AFDpnq5tud37Rls.jpg)
แน่นอนว่า การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาสักชิ้น อุดมคติคือต้องการให้ทุกส่วนของรองเท้าเป็นวัสดุทดแทนทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงในแง่ของการใช้งานก็ต้องประนีประนอมกับวัสดุและการทำงานบ้าง เช่นใช้ยางพาราธรรมชาติ ที่อาจไม่ได้เป็นผลลัพธ์จากกระบวนการรีไซเคิล แต่อย่างน้อยก็เป็นวัสดุธรรมชาติที่ทำงานได้ดีกว่า
“อย่างรองเท้าคู่แรกสุดที่เคยทำ ตอนนี้ก็ยังอยู่ที่บ้านอยู่เลย แล้วก็ยังวนใส่เรื่อยๆ” นี่คือข้อพิสูจน์ในเรื่องความทนทานได้อย่างดี
“เพราะเราใช้การประกอบรองเท้าแบบเย็บแทนที่จะติดกาวเฉยๆ ทำให้รองเท้าของเราไม่อ้าหลังจากใช้ไปนานๆ”
IIIi - การเริ่มต้นธุรกิจของความยั่งยืน และการเดินทางต่อด้วยดีไซน์
![](https://framerusercontent.com/images/T8KT3DlvlovfhpGKtiu3ZAcW4Y.jpg)
อีกหนึ่งความยากในการเริ่มต้นทำแบรนด์ด้านความยั่งยืนคือเรื่องการสื่อสารเริ่มต้น ทั้งคู่ใช้กลยุทธ์ของราคาถูกเป็นหลัก เพื่อให้เข้าถึงคนได้ง่าย และเป็นกุศโลบายให้การใช้ผลิตภัณฑ์ความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันแบบอัตโนมัติ
“ตอนแรกเราเน้นถูกเป็นหลัก เพราะฉะนั้นทุกอย่างจะต้องถูก เราผลิตน้อยไว้ก่อนแค่ 40 กว่าคู่ คือผลิตแค่แบบกับไซส์ละสีพอ แล้วไปหาอีเวนต์ที่ถูกที่สุด คือไปอีเวนต์เกี่ยวกับรักโลก วิธีสื่อสารของเราคือ เรามีพันช์ไลน์ที่ว่า ‘รองเท้าผลิตจากขวดพลาสติก’ คือให้เตะตาคนเห็นก่อน แล้วค่อยมาดูเรื่องความคิดและดีไซน์เบื้องหลัง”
สำหรับทั้งคู่แล้ว การลงมือทำรองเท้าผ้าใบรักโลกในแบบที่คิดไว้เป็นเหมือนกับการค้นหาคำตอบว่า สิ่งที่คิดจะมีผลตอบรับจากผู้บริโภคอย่างไรบ้าง โดยเริ่มจากการลงทุนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ “เราไม่ได้กลัวว่าจำนวนเงินนี้เราจะใช้เพื่อหาคำตอบ แต่เราแค่อยากรู้ว่าฟีดแบคมันเป็นยังไง แล้วเราจะบิดไปทางไหนดี ตลอดเวลาเราทำงานด้วยมายด์เซตนี้ เราอยากรู้ว่าคนจะชอบเหมือนเราไหม”
![](https://framerusercontent.com/images/0h2aeGe1XC1TlYVmf0DDfXF8Ww.jpg)
จากเดิมที่สิ่งนี้เคยเป็นไซด์โปรเจกต์สำหรับการหาคำตอบเรื่องความยั่งยืนผ่านผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวัน รองเท้าคู่นี้พาทั้งคู่เดินทางมาถึงปีที่สาม กับการแตกไลน์สินค้าจากแรกสุดที่เป็นรองเท้าผ้าใบที่เน้นความยั่งยืน ใช้งานได้จริง ผ่านดีไซน์ที่คิดมาแล้ว มาสู่ถุงเท้าจากใยไผ่ และบรรจุภัณฑ์ Plant-based Chipping Bag ที่ทำมาจากข้าวโพดและมันสำปะหลังเป็นถุงกระดาษคราฟต์ที่สามารถนำไปใช้งานต่อและซักได้ด้วย
นอกจากในแง่คุณสมบัติผลิตภัณฑ์แล้ว ในเรื่องดีไซน์ก็มีการขยับขยายไปร่วมคอลแลบกับศิลปินในการทำผลิตภัณฑ์ลิมิเต็ดต่างๆ อย่างล่าสุดกับถุงเท้าที่ร่วมงานกับ Pammy’s Palette เป็นลายดอกไม้แสนหวาน ที่ทั้งคู่ยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ออกจากกรอบความคิดแบบเดิมของตัวเอง
“การคอลแลบช่วยเปิดโลกให้เรามากขึ้นด้วยว่า อย่างเราทั้งสองคนเป็นผู้ชาย ก็ไม่รู้เลยว่าแบบนี้มันเรียกสวยหรือเปล่า แต่เราเชื่อมั่นในตัวเขาและฐานแฟน แล้วก็ลองปล่อยโปรดักต์ออกมา ซึ่งฟีดแบ็กที่ได้ก็เซอร์ไพรส์เราเหมือนกัน มันทำให้เราได้เห็นช่องทางที่หลากหลายมากขึ้น”
![](https://framerusercontent.com/images/LfjkvV6k0fwunAYKv9l2q9RkyrQ.jpg)
อีกข้อหนึ่งของการได้ร่วมงานกับผู้คนและสไตล์ที่หลากหลายขึ้น ก็เป็นเหมือนกับการเพาะเมล็ดพันธุ์ของความยั่งยืนไว้ในใจของผู้คนในวงกว้างมากขึ้นอีก และก็เหมือนได้ปลุกความรู้สึกใหม่ๆ ให้กับกลุ่มลูกค้าเดิมเช่นกัน
“ผมว่าด้วยมายด์เซตของ MADDY HOPPER เราโอเพนมายด์อยู่แล้ว เหมือนไอเดียของน้องๆ ที่หลากหลายออกไป เราก็อยากจะลองดู แล้วมันก็สนุกที่เราได้เห็น หรือแม้แต่สนุกที่ได้รู้ว่าตัวเองผิดด้วย”
IIIi - กระโดดใส่อนาคตของความยั่งยืน
![](https://framerusercontent.com/images/CANYCWXJi9YyAxnU2xvCrQ4.jpg)
ทั้งสองมองการเติบโตของแบรนด์ไว้ 3 ส่วนอย่างน่าสนใจ
ส่วนแรกคือ ผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้น “เราอยากบอกกับทุกคนว่า เราเป็น Everyday Sneakers สำหรับคนหลายๆ คนมากขึ้น คือ Everyday Sneakers ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เราก็อยากเพิ่มสินค้าให้มากขึ้น หรือแม้แต่เสื้อผ้าในโซนแฟชั่นด้วย”
ส่วนที่สองคือ กระบวนการทำงานที่ยั่งยืนขึ้นกว่าเดิม “อย่างที่บอกว่า ตอนนี้เราก็ยังรู้สึกว่าเราไม่ได้ยั่งยืนทั้งหมด เราอยากจะให้ยั่งยืนและคุ้มค่าขึ้น”
และส่วนสุดท้ายคือ ผู้คน “เราอยากมีคอมมิวนิตีที่เป็นลูกค้าเรา คอมมิวนิตีซัพพลายเออร์ หรือชุมชนกลุ่มรักโลก” แล้วทั้งหมดก็เติบโตไปด้วยกัน
![](https://framerusercontent.com/images/1cZY8EkvHYFuIHjkR2NhTnTq9NA.jpg)
“การที่เราทำธุรกิจแล้วใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมไปด้วย มันทำได้ แล้วมันกำไรได้ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องชาร์จลูกค้าแพงจนเกินเลเวล” นี่คือสิ่งที่ทั้งสองได้พิสูจน์ตลอดทางของ Maddy Hopper ที่เริ่มต้นจากไซด์โปรเจกต์มาสู่แบรนด์รองเท้ารักโลกที่เป็นอาชีพหลักในตอนนี้
“จริงๆ แล้ว อีกมุมมองในตัวเราเองคือ เราทำ Maddy Hopper ไปเรื่อยๆ แล้ว ก็เหมือนรู้สึกว่าเราได้ตระหนักถึงเรื่องความยั่งยืนมากขึ้นไปด้วย ตอนแรกเราก็รู้สึกว่าเรารับผิดชอบกับสิ่งแวดล้อมแหละ แต่เราไม่เคยมองตัวเองว่าทำอะไรได้มากกว่านี้หรือเปล่าในชีวิตประจำวัน ธุรกิจนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองเหมือนกัน และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นได้ด้วย”
“ผมว่าความท้าทายมันอยู่ในการทำธุรกิจอยู่แล้วครับ แต่ว่าความยั่งยืนมันเพิ่มเข้ามาอีก คือความท้าทายที่ว่า เราสามารถทำในสิ่งที่เราคิดได้หรือเปล่า เราต้องคิดมากกว่าในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเล็กครับ มันเป็นเรื่องที่เหมือนกับมีอีกพาร์ตใหญ่ๆ เพิ่มเข้ามา”
จากวัยรุ่นวัยย่าง 27 สองคน ภาคิน โรจนเวคิน และ ชาญ สิทธิญาวณิชย์ ที่อยากได้รองเท้าใส่สบายทุกวัน บวกกับความต้องการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม จึงเกิดเป็น Maddy Hopper แบรนด์รองเท้าผ้าใบที่มาพร้อมกับหมัดฮุคที่ว่า ‘รองเท้าผลิตจากขวดพลาสติก’ โดยที่ตอนนั้นทั้งคู่มีความรู้ในเรื่องธุรกิจเพียงอย่างเดียว
สิ่งที่จะมาเติมเต็มด้านดีไซน์ของรองเท้าจึงเป็นแพชชั่น ซึ่งต้องทำงานร่วมกันกับมิชชั่นที่จะสร้างสรรค์รองเท้าที่ทำมาจากวัสดุรีไซเคิลให้ได้ทั้งหมด การเดินเท้าบนระยะเวลา 3 ปีของ Maddy Hopper จึงเริ่มต้นขึ้น
IIIi - ขวดพลาสติก เศษฟูกเตียง ยางพาราธรรมชาติ และการเย็บมือ ตอบโจทย์ทุกข้ออย่างที่ต้องการ
![](https://framerusercontent.com/images/EfzoKaHmadxYxXGAmn3HfbFXW50.jpg)
จากโจทย์ที่ตั้งไว้คือรองเท้าผ้าใบรักษ์โลกที่ใช้งานได้ทุกวัน การทำรีเสิร์ชจึงเป็นไฟต์บังคับข้อแรกที่ทำให้ทั้งสองต้องเริ่มเรียนรู้เรื่องงานดีไซน์จากศูนย์
“เราเริ่มตั้งแต่กูเกิลว่า รองเท้าทำยังไง ต้องใช้กระบวนการยังไงบ้าง โรงงานมีกี่แบบ แล้วในระบบนิเวศของการทำรองเท้ามันมีฟังก์ชั่นไหนบ้าง แล้วค่อยศึกษาต่อว่า เราจะเปลี่ยนบางสิ่งในนั้นให้มันยั่งยืนขึ้นได้ยังไงบ้าง” ทั้งสองเริ่มจากการแก้ปัญหาที่ต้นทางเป็นระยะเวลาร่วมปี ก่อนจะออกมาเป็นโปรดักต์จริง
สิ่งสำคัญของการผลิตคือวัสดุตั้งต้น ความท้าทายแรกที่ต้องพบเจอคือการควานหาวัสดุจากทั่วสารทิศที่มีอยู่ในท้องตลาดให้ได้ตามสเปกและวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
![](https://framerusercontent.com/images/AUzdODAzJtm0DN7kNEiNQHN9Qgk.jpg)
“พอเป็นแนวคิดแบบนี้ กลายเป็นว่ารองเท้าทั้งคู่ เราต้องหาซัพพลายเออร์ของแต่ละชิ้นส่วนของรองเท้าจากต่างที่กัน และสามารถทำตามความพอใจในเรื่องความยั่งยืนให้กับเราได้ ซึ่งตอนนั้นไม่ได้ง่ายตรงที่ว่า ตัวผ้าขวดพลาสติกไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น เราก็ไปหาจนเจอ ถึงแม้เราจะไม่ได้เอาขวดพลาสติกมารีไซเคิลเอง แต่เราก็ต้องมานั่งทดลองกับเขา ว่าต้องเป็นผ้าที่สีได้ด้วย แล้วต้องผลิตใหม่”
“หรืออย่างตัวแผ่นรองเท้าก็ไม่ใช่แผ่นสำเร็จรูป เราก็พยายามหาว่าอะไรที่มันยั่งยืนและมีฟังก์ชั่นซัพพอร์ตเท้าได้ด้วย เราก็ไปเจอว่า ยางพาราของประเทศไทยมันน่าจะช่วยได้ดี เราคุยกับโรงงานเตียงแทนที่จะเป็นโรงงานรองเท้า แล้วก็พลิกแพลงเอาเศษฟูกเตียงที่เหลือจากการตัดขอบเอามาอัดเป็นแผ่นใหม่ ส่วนพื้นโซลรองเท้า เราก็ใช้ยางพาราธรรมชาติ”
![](https://framerusercontent.com/images/iiGumlRatc6AFDpnq5tud37Rls.jpg)
แน่นอนว่า การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาสักชิ้น อุดมคติคือต้องการให้ทุกส่วนของรองเท้าเป็นวัสดุทดแทนทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงในแง่ของการใช้งานก็ต้องประนีประนอมกับวัสดุและการทำงานบ้าง เช่นใช้ยางพาราธรรมชาติ ที่อาจไม่ได้เป็นผลลัพธ์จากกระบวนการรีไซเคิล แต่อย่างน้อยก็เป็นวัสดุธรรมชาติที่ทำงานได้ดีกว่า
“อย่างรองเท้าคู่แรกสุดที่เคยทำ ตอนนี้ก็ยังอยู่ที่บ้านอยู่เลย แล้วก็ยังวนใส่เรื่อยๆ” นี่คือข้อพิสูจน์ในเรื่องความทนทานได้อย่างดี
“เพราะเราใช้การประกอบรองเท้าแบบเย็บแทนที่จะติดกาวเฉยๆ ทำให้รองเท้าของเราไม่อ้าหลังจากใช้ไปนานๆ”
IIIi - การเริ่มต้นธุรกิจของความยั่งยืน และการเดินทางต่อด้วยดีไซน์
![](https://framerusercontent.com/images/T8KT3DlvlovfhpGKtiu3ZAcW4Y.jpg)
อีกหนึ่งความยากในการเริ่มต้นทำแบรนด์ด้านความยั่งยืนคือเรื่องการสื่อสารเริ่มต้น ทั้งคู่ใช้กลยุทธ์ของราคาถูกเป็นหลัก เพื่อให้เข้าถึงคนได้ง่าย และเป็นกุศโลบายให้การใช้ผลิตภัณฑ์ความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันแบบอัตโนมัติ
“ตอนแรกเราเน้นถูกเป็นหลัก เพราะฉะนั้นทุกอย่างจะต้องถูก เราผลิตน้อยไว้ก่อนแค่ 40 กว่าคู่ คือผลิตแค่แบบกับไซส์ละสีพอ แล้วไปหาอีเวนต์ที่ถูกที่สุด คือไปอีเวนต์เกี่ยวกับรักโลก วิธีสื่อสารของเราคือ เรามีพันช์ไลน์ที่ว่า ‘รองเท้าผลิตจากขวดพลาสติก’ คือให้เตะตาคนเห็นก่อน แล้วค่อยมาดูเรื่องความคิดและดีไซน์เบื้องหลัง”
สำหรับทั้งคู่แล้ว การลงมือทำรองเท้าผ้าใบรักโลกในแบบที่คิดไว้เป็นเหมือนกับการค้นหาคำตอบว่า สิ่งที่คิดจะมีผลตอบรับจากผู้บริโภคอย่างไรบ้าง โดยเริ่มจากการลงทุนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ “เราไม่ได้กลัวว่าจำนวนเงินนี้เราจะใช้เพื่อหาคำตอบ แต่เราแค่อยากรู้ว่าฟีดแบคมันเป็นยังไง แล้วเราจะบิดไปทางไหนดี ตลอดเวลาเราทำงานด้วยมายด์เซตนี้ เราอยากรู้ว่าคนจะชอบเหมือนเราไหม”
![](https://framerusercontent.com/images/0h2aeGe1XC1TlYVmf0DDfXF8Ww.jpg)
จากเดิมที่สิ่งนี้เคยเป็นไซด์โปรเจกต์สำหรับการหาคำตอบเรื่องความยั่งยืนผ่านผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวัน รองเท้าคู่นี้พาทั้งคู่เดินทางมาถึงปีที่สาม กับการแตกไลน์สินค้าจากแรกสุดที่เป็นรองเท้าผ้าใบที่เน้นความยั่งยืน ใช้งานได้จริง ผ่านดีไซน์ที่คิดมาแล้ว มาสู่ถุงเท้าจากใยไผ่ และบรรจุภัณฑ์ Plant-based Chipping Bag ที่ทำมาจากข้าวโพดและมันสำปะหลังเป็นถุงกระดาษคราฟต์ที่สามารถนำไปใช้งานต่อและซักได้ด้วย
นอกจากในแง่คุณสมบัติผลิตภัณฑ์แล้ว ในเรื่องดีไซน์ก็มีการขยับขยายไปร่วมคอลแลบกับศิลปินในการทำผลิตภัณฑ์ลิมิเต็ดต่างๆ อย่างล่าสุดกับถุงเท้าที่ร่วมงานกับ Pammy’s Palette เป็นลายดอกไม้แสนหวาน ที่ทั้งคู่ยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ออกจากกรอบความคิดแบบเดิมของตัวเอง
“การคอลแลบช่วยเปิดโลกให้เรามากขึ้นด้วยว่า อย่างเราทั้งสองคนเป็นผู้ชาย ก็ไม่รู้เลยว่าแบบนี้มันเรียกสวยหรือเปล่า แต่เราเชื่อมั่นในตัวเขาและฐานแฟน แล้วก็ลองปล่อยโปรดักต์ออกมา ซึ่งฟีดแบ็กที่ได้ก็เซอร์ไพรส์เราเหมือนกัน มันทำให้เราได้เห็นช่องทางที่หลากหลายมากขึ้น”
![](https://framerusercontent.com/images/LfjkvV6k0fwunAYKv9l2q9RkyrQ.jpg)
อีกข้อหนึ่งของการได้ร่วมงานกับผู้คนและสไตล์ที่หลากหลายขึ้น ก็เป็นเหมือนกับการเพาะเมล็ดพันธุ์ของความยั่งยืนไว้ในใจของผู้คนในวงกว้างมากขึ้นอีก และก็เหมือนได้ปลุกความรู้สึกใหม่ๆ ให้กับกลุ่มลูกค้าเดิมเช่นกัน
“ผมว่าด้วยมายด์เซตของ MADDY HOPPER เราโอเพนมายด์อยู่แล้ว เหมือนไอเดียของน้องๆ ที่หลากหลายออกไป เราก็อยากจะลองดู แล้วมันก็สนุกที่เราได้เห็น หรือแม้แต่สนุกที่ได้รู้ว่าตัวเองผิดด้วย”
IIIi - กระโดดใส่อนาคตของความยั่งยืน
![](https://framerusercontent.com/images/CANYCWXJi9YyAxnU2xvCrQ4.jpg)
ทั้งสองมองการเติบโตของแบรนด์ไว้ 3 ส่วนอย่างน่าสนใจ
ส่วนแรกคือ ผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้น “เราอยากบอกกับทุกคนว่า เราเป็น Everyday Sneakers สำหรับคนหลายๆ คนมากขึ้น คือ Everyday Sneakers ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เราก็อยากเพิ่มสินค้าให้มากขึ้น หรือแม้แต่เสื้อผ้าในโซนแฟชั่นด้วย”
ส่วนที่สองคือ กระบวนการทำงานที่ยั่งยืนขึ้นกว่าเดิม “อย่างที่บอกว่า ตอนนี้เราก็ยังรู้สึกว่าเราไม่ได้ยั่งยืนทั้งหมด เราอยากจะให้ยั่งยืนและคุ้มค่าขึ้น”
และส่วนสุดท้ายคือ ผู้คน “เราอยากมีคอมมิวนิตีที่เป็นลูกค้าเรา คอมมิวนิตีซัพพลายเออร์ หรือชุมชนกลุ่มรักโลก” แล้วทั้งหมดก็เติบโตไปด้วยกัน
![](https://framerusercontent.com/images/1cZY8EkvHYFuIHjkR2NhTnTq9NA.jpg)
“การที่เราทำธุรกิจแล้วใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมไปด้วย มันทำได้ แล้วมันกำไรได้ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องชาร์จลูกค้าแพงจนเกินเลเวล” นี่คือสิ่งที่ทั้งสองได้พิสูจน์ตลอดทางของ Maddy Hopper ที่เริ่มต้นจากไซด์โปรเจกต์มาสู่แบรนด์รองเท้ารักโลกที่เป็นอาชีพหลักในตอนนี้
“จริงๆ แล้ว อีกมุมมองในตัวเราเองคือ เราทำ Maddy Hopper ไปเรื่อยๆ แล้ว ก็เหมือนรู้สึกว่าเราได้ตระหนักถึงเรื่องความยั่งยืนมากขึ้นไปด้วย ตอนแรกเราก็รู้สึกว่าเรารับผิดชอบกับสิ่งแวดล้อมแหละ แต่เราไม่เคยมองตัวเองว่าทำอะไรได้มากกว่านี้หรือเปล่าในชีวิตประจำวัน ธุรกิจนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองเหมือนกัน และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นได้ด้วย”
Text:
Nathanich C.
Nathanich C.
PHOTO:
Chanathip K.
Chanathip K.
Related Posts
![](https://framerusercontent.com/images/K1oObDIdo3GUJNoCCTOOsQgv0k.jpg)
เกษตรกรผู้พัฒนาโรบัสต้าที่ขมฝาด เป็นโทนนัทตี้รสชาตินุ่มนวล จนคว้ารางวัลระดับประเทศ
เกษตรกรผู้พัฒนาโรบัสต้าที่ขมฝาด เป็นโทนนัทตี้รสชาตินุ่มนวล จนคว้ารางวัลระดับประเทศ
เกษตรกรผู้พัฒนาโรบัสต้าที่ขมฝาด เป็นโทนนัทตี้รสชาตินุ่มนวล จนคว้ารางวัลระดับประเทศ
![](https://framerusercontent.com/images/eJ8pcG7EzADJ0F84dFpxnzte5SA.jpg)
JITTRAKARN แฟชั่นจิวเวลรี่ ที่มาจากความชอบศิลปะ การ์ตูน และเรื่องราวแฟนตาซี
JITTRAKARN แฟชั่นจิวเวลรี่ ที่มาจากความชอบศิลปะ การ์ตูน และเรื่องราวแฟนตาซี
JITTRAKARN แฟชั่นจิวเวลรี่ ที่มาจากความชอบศิลปะ การ์ตูน และเรื่องราวแฟนตาซี
![](https://framerusercontent.com/images/4kag79OdkmNQgDWquhoxTIGYmII.jpg)
![](https://framerusercontent.com/images/4kag79OdkmNQgDWquhoxTIGYmII.jpg)
![](https://framerusercontent.com/images/4kag79OdkmNQgDWquhoxTIGYmII.jpg)