'หงส์' คือสัญลักษณ์ของนักสู้ที่สง่างาม

'หงส์' คือสัญลักษณ์ของนักสู้ที่สง่างาม

16 ธ.ค. 2568

SHARE WITH:

16 ธ.ค. 2568

16 ธ.ค. 2568

SHARE WITH:

SHARE WITH:

'หงส์' คือสัญลักษณ์ของนักสู้ที่สง่างาม

ผมขับรถมาถึงย่านพุทธมณฑลสาย 2 อาคารสำนักงานประตูสีเขียวของ “หงส์ไทย” เด่นสะดุดตา ประตูที่เหมือนเชื้อเชิญให้เราเข้าสู่โลกอีกใบ สำนักงานที่เต็มไปด้วยคำปลุกพลัง และประโยคให้กำลังใจมากมายเรียงรายอยู่บนผนัง ที่เขียนจากผู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตคอยเป็นคติเตือนใจในการทำงาน

ทันทีที่ผลักประตูเข้าไป กลิ่นสมุนไพรหอมเย็นลอยมาแตะจมูกพร้อมกับภาพพนักงานที่ทำงานกันอย่างตั้งใจขะมักเขม้น แต่ยังพร้อมกล่าวต้อนรับเราด้วยน้ำเสียงสุภาพ ทำให้บรรยากาศทั้งสำนักงานที่กำลังวุ่นวาย ดูเป็นมิตร และอบอุ่นในแบบที่รู้สึกได้ทันที

วันนี้เรามีนัดพูดคุยกับ คุณเก่ง ธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้ก่อตั้ง บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ผู้ปั้นยาดมสมุนไพรแบรนด์ไทยให้กลายเป็นสินค้าไทยที่คนทั้งโลกจดจำ

เส้นทางของเขาเริ่มต้นจากโรงเรียนฝึกอาชีพเล็ก ๆ ที่สอนทำพิมเสนน้ำ ผ่านบททดสอบชีวิตนับไม่ถ้วน เก็บเกี่ยวบทเรียนจาก “ความไม่รู้” ล้มแล้วลุกมาไม่รู้กี่ครั้ง จนกลายเป็นภูมิต้านทานที่ทำให้ “หงส์ไทย” ผ่านวิกฤตเติบโตและยืนหยัดอย่างมั่นคงในวันนี้

บทสนทนาครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการสัมภาษณ์ผู้บริหาร
แต่เป็นการพูดคุยในฐานะ “มนุษย์คนหนึ่งกับมนุษย์อีกคนหนึ่ง”
เหมือนรุ่นพี่ถ่ายทอดประสบการณ์ให้รุ่นน้อง
เหมือนลูกพี่คุยกับลูกน้องในช่วงเวลางานที่เรียบง่าย เป็นกันเอง
ในออฟฟิศที่สะท้อนตัวตนของเขาในทุกมุมมอง

llli 'นายเก่ง' ที่กว่าจะมาเป็น ‘คุณเก่ง’ ผ่านอะไรมาบ้าง ?

"ถ้าไล่เส้นทางอาชีพทั้งหมดของผมน่ะเหรอ" ?

เริ่มจากเป็นเด็กหยิบของอยู่ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่บ้านหม้อ

เป็นแมสเซนเจอร์ ขับเวสป้าส่งเอกสาร วางบิล ตามบริษัทต่างๆ

เป็นเด็กวัด

เป็นพนักงานในบริษัทถ่ายภาพนิ่งแคตตาล็อกขายของ ควบคู่อาชีพแมสเซนเจอร์ จนได้เรียนรู้การอัดขยายภาพ ล้างภาพถ่ายขาวดำ

เป็นพนักงานแผนกจัดซื้อในบริษัททำชุดยูนิฟอร์ม ขี่มอเตอร์ไซค์ตระเวนหาซื้อซิป กระดุม ผ้า และวัตถุดิบต่างๆ

เป็นทหารเกณฑ์ 2 ปี ค้นพบว่าตัวเองมีทักษะในการพูด

ปลดทหาร ไปสมัครงานเป็นเซลส์ แต่ไม่มีที่ไหนรับ เพราะผมถามเยอะเกินไป

เป็นคนขายส่งน้ำพริกแคปหมู


llli ‘หงส์ไทย’ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ?

“กว่าจะเป็นหงส์ไทย เชื่อมั้ยกว่าจะมาเป็นทุกวันนี้ผมล้มเลิกมาถึงสามครั้ง”

เราเป็นคนที่ออกมาทำงานตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นจำได้ว่าเราอ่านหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ แล้วเจอโรงเรียนฝึกอาชีพ ที่วัดนางรอง ภาษีเจริญ ไปลงเรียนทำพิมเสนน้ำ และนั่นคือสินค้าที่ขายในครั้งแรก เราลองทำขาย ส่งร้านค้าแต่ก็ไม่สำเร็จเลยหยุดทำไป

จากนั้นเราก็ไปทำงานประจำ แต่ก็ประสบอุบัติเหตุรถชน หยุดงานไปสองเดือน เราคิดว่าอยากกลับมาทำขายในรอบที่สอง โดยครั้งนี้ตั้งใจวางแผนใหม่ คิดวิธีการขายใหม่ ๆ ทำให้ครั้งนี้เราเริ่มขายได้ แต่สุดท้ายแล้วเราไม่เข้าใจเรื่องวิธีการในการตีราคาสินค้า ก็ไม่สำเร็จจนเราหยุดในรอบที่สอง

เราก็กลับไปทำงานประจำในบริษัทอีกครั้ง คราวนี้อยู่สองปีกว่าจนกระทั่งได้กลับไปเยี่ยมร้านที่เคยส่งสินค้าไปวางขาย จนเด็กที่ร้านเขาทักเราว่า “หายไปไหนมาพี่ ลูกค้ายังตามหาของพี่อยู่เลยนะ” คำพูดตรงนี้คือจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้กลับมาทำหงส์ไทยรอบที่สาม เพราะลูกค้ามาถามหาของกับทางร้านที่เราเคยวางสินค้า และทิ้งท้ายกับน้องพนักงานที่บอกเราว่า“เผื่อน้องเขามาส่ง”

จึงทำให้เรากลับมาคิดว่า ทำไมคนถึงตระเวนหาของเรา ? คำตอบคือถ้าเราไม่ยอมแพ้ ตั้งใจทำสินค้าให้ดี สินค้าเรามีคุณภาพมากพอคนจึงถามหา สิ่งเหล่านี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ได้ทำต่อ และเห็นอนาคตว่าถ้าเราตั้งใจทำสินค้าที่มีคุณภาพ เราจะมีอนาคตอย่างแน่นอน


llli ธุรกิจเริ่มจาก”ศูนย์” คือธุรกิจจากความ ”ไม่รู้”

“คำว่าเริ่มต้นจาก”ศูนย์”สำหรับผม ผมมองว่าคือความ”ไม่รู้” เราเริ่มต้นจากการเรียนรู้ สิ่งที่เราผ่านมาและเก็บเกี่ยวความสำเร็จได้คือการได้แก้ไขปัญหาในเรื่องนั้นๆ จนสำเร็จ”

“เราเป็นคนไม่เลือกงานเพราะเราต้องหาเงิน งานทุกงานที่เราได้โอกาสทำนั้นคือความสำเร็จของเราแล้ว ที่ผ่านมาเราเคยถูกอบรมจากลูกพี่ที่สอนงาน ผมพยายามทำให้ตัวเองดีขึ้น จนเริ่มมาเข้าใจอย่างลึกซึ่งตอนเป็นเจ้าของกิจการเองนี่แหละ สิ่งที่เป็นเราคือเรามองย้อนกลับไป ไม่ว่างานจะสูงต่ำ รวยจน เราเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จากงานที่ทำ”

"เราเริ่มทำหงส์ไทยจากพื้นฐานที่เราไม่ได้ร่ำเรียนมาสูง ลองผิดลองถูกมามากมาย หลายครั้งเกิดความเสียหาย ความผิดพลาด ทุกครั้งที่เผชิญสิ่งเหล่านี้ทำให้ตัวเราไม่เหมือนเดิม เพราะเราคิดใหม่กับสิ่งที่เคยทำพลาด เสียหายจริง เจ็บจริง ในทุก ๆ ครั้ง สั่งสมเป็นประสบการณ์ทำให้เราแกร่งขึ้นในทุกวันนี้"

llli “ความผิดพลาด” บทเรียนของนักธุรกิจมือใหม่

"ย้อนกลับไปสิบกว่าปีมาแล้ว สิ่งที่ผมเสียใจในเหตุการณ์ผิดพลาดของบริษัท คือการส่งสเปกสินค้ามาให้เราผิด ปกติเราได้ทะเบียนยา เราสั่งของจากเจ้าเดิม สินค้าเป็นสูตรเดิม เราก็เชื่อใจ เพราะช่วงเวลาที่มีออเดอร์เข้ามามาก เราก็ต้องเร่งผลิตสินค้า เพื่อเป็นสต๊อกเพราะสินค้าเราขายดีมาก จนมารู้ทีหลังว่าร้านค้าส่งตัวยามาผิดเนื่องจากเราถูกคอมเพลนเรื่องกลิ่นที่ผิดเพี้ยนไม่เหมือนเดิม ทำให้เราเสียหายจากการเรียกคืนสินค้าทั้งหมด"

"เรากลับมาตรวจเช็คสินค้าเหล่านั้น แม้ว่ามีคุณภาพที่ขายได้ตามปกติ แต่มันผิดกลิ่น กลิ่นมันเพี้ยนไป คนที่เป็นลูกค้าเก่าเขาจำได้ เราเสียหายไปสามล้านกว่าบาท กับการเรียกคืนสินค้ากว่าแปดแสนชิ้น ซึ่งกว่าจะตั้งหลักบริษัทให้กลับมาเหมือนเดิมใช้เวลา 4 – 5 ปี ผลจากความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้ลูกค้าใหม่ของเราก็หายตามไปด้วย"

“จากครั้งนั้นเราก็ได้เรียนรู้ว่าหลังจากนี้เราต้องรอบคอบ ต้องมีการเทสต์เรื่องกลิ่นและตรวจเชคกันใหม่ทุกครั้งก่อนกระจายสินค้า สมัยก่อนเราทำธุรกิจเงินหมุน แน่นอนว่าการล้มในตอนที่เราไม่รู้ ไม่ได้เป็นเรื่องง่าย และใช้เวลานานกว่าที่จะผ่านปัญหาไปได้”

“มาถึงช่วงที่วิกฤตหนักสุดจริงๆ เป็นช่วงโควิด ตอนนั้นเราพยายามตั้งหลักให้ได้ ภายใต้ข้อห้ามต่าง ๆ มากมาย เราไม่รู้เลยว่าจะพาพนักงานทุกคนรอดไปได้อย่างไร คิดอย่างเดียวว่าเราอยากสู้ให้มันจบตอนนี้เลย เราไม่อยากเสียใจทีหลัง บอกกับพนักงานทุกคนให้สู้ แล้วเราจะผ่านไปด้วยกัน อะไรที่เขาห้ามผมก็ทำหมด เพิ่มคน เพิ่มเงินลงทุน ยอมเสี่ยงเพื่อที่จะผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ จนทำให้หงส์ไทยกลับมาดี และดีมากในช่วงโควิด”

“แม้ว่าจะผ่านเรื่องราวต่างๆ มามาก ปัจจุบันผมจะบอกว่าช่วงนี้หงส์ไทยก็วิกฤตนะ และเป็นวิกฤตในรอบที่ 9 ของบริษัทแล้ว แต่หงส์ไทยได้อานิสงค์จากความรุ่งเรืองที่สู้มาในช่วงโควิด ดังนั้นจากประสบการณ์ที่ผ่านมาผมเชื่อว่าเราก็จะผ่านมันไปได้”

llli “ลูกน้อง” คือเบื้องหลังความสำเร็จของ “ลูกพี่” ในตลอด 20 ปีที่ผ่านมา

“ทุกวันนี้ผมยังนั่งกินข้าวกับพนักงานไม่ต่างจากตอนเริ่มต้น เมื่อก่อนบริษัทมีแค่ไม่กี่คน ผมคลุกคลีกับพนักงานในทุกเหตุการณ์ ทุกปัญหา ผมอยากให้ทีมงานเข้าถึงเราได้เสมอ จะได้สื่อสารกันแบบตรงไปตรงมา ซึมซับความคิดอุดมการณ์ของเราได้ ทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราต่างก็เห็นกันและกันว่าตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบันเราต่างเป็นคนที่ดีขึ้น”

“เวลาเรามองตาลูกน้องเราเข้าใจกัน เรารู้สึกถึงกันได้ เราต้องการสร้างคนและซึมซับแก่นแท้ของเรา ปัจจุบันแม้เปลี่ยนไปเราต่างก็มีผู้ช่วย มีแผนกต่างๆ เพิ่มขึ้น แต่เรายังคงแบบแผนเดิมเหล่านี้ไว้ เรามีความสุขที่ได้เห็นสังคมที่เราสร้างขึ้นมาเอง เป็นสังคมการทำงานที่ดีพร้อมกับการใช้ชีวิตที่ดีไปด้วยกันได้”

"ที่นี่เรามีมาตรฐานของ”ความรักที่เท่ากัน” เราไม่มีระบบลูกรัก มีแต่ความปรารถนาดีโดยเฉพาะกับเด็กรุ่นใหม่ เราพยายามสร้างคนด้วยเจตนาดี ปัจจุบันหงส์ไทยก็มีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานกับเราเยอะมาก เราตักเตือนด้วยเจตนาที่ดี มีดุบ้าง แต่ถ้าถ้า เราเข้าใจเขา เขาก็จะอยู่ได้"

"เราแจกโบนัสทุกปี ถึงไม่มีเงินก็กู้มาแจก สิ่งเหล่านี้เกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยเป็นพนักงานระดับล่างมาก่อน นึกถึงลูกน้องเวลาจะกลับบ้านช่วงเทศกาล เขาช่วยเราเจอปัญหามาทั้งปี พยายามกับเรามาทั้งปี เหล่านี้อาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยนะ สำหรับผมมันสำคัญ เราไปกู้มาจ่ายโบนัสซึ่งใช้สองวันก็หมด เป็นไรค่อยผ่อนคืนทีหลังอีกทีปีหน้า"(หัวเราะ)


“ทุกอย่างเราเห็นอยู่ว่าผิดหลักในการบริหาร แต่ถ้าเราอยากเข้าใจลูกน้องเรา ก็ถือว่าไม่ได้ผิดถ้าเรามองในแบบของเรา ทั้งหมดที่เราทำมันมีเหตุผล ผมได้ยกระดับความเสียสละของตัวเองที่ในฐานะหัวหน้า และเหตผลอีกมากมายที่มันลึกซึ่งกับการทำสิ่งต่างๆให้พนักงาน”

“หากมอง ในทางกลับกันเราก็มีแรงอยากสู้มากขึ้น อยากทำงานให้ได้เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น ถึงแม้ว่าเราไม่มีตัวช่วยเรื่องการเงิน ไม่มีเงินถุงเงินถึง เราเป็นธุรกิจเงินหมุนเพราะเงินเราถูกกระจายออกไปอยู่กับลูกค้าที่ยังไม่ถึงรอบจ่าย ปลายปีมาหงส์ไทยจึงไม่กำไร ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเราเป็นคนคิดง่ายๆ บอกลูกน้องว่าจ่ายให้ไม่ได้เพราะงบไม่พอ มันก็จบแล้วถูกมั้ย? แต่การทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้กระทบอะไรกับเรามากมาย เพราะวันนี้เรามาไกลมากแล้ว เรามีเงินมากกว่าวันนั้นที่เรากู้มาอีก”


llli บริหารห่วงโซ่ธุรกิจทั้งหมดของหงส์ไทยอย่างไร ?

“เมื่อเราเริ่มจากธุรกิจขนาดเล็ก เราบริหารแค่พูดตรง ๆ บริหารตรง ๆ มันทำให้มีความสุข ตั้งแต่เริ่มต้นทำหงส์ไทยมา เราเป็นคู่ค้าที่ดูแลร้านค้าอย่างดี เราบริการร้านค้าในระดับที่เขาพอใจเรา เมื่อสั่งสินค้าเราไปเจอปัญหาขายไม่ได้เพราะแตกหักเสียหายเราเปลี่ยนให้ สินค้าตัวอย่างหมดเราส่งให้ใหม่ ผมลงทุนกับเรื่องเหล่านี้มหาศาล เพราะเราเข้าใจว่าลูกค้าที่ซื้อของเราไปขายได้กำไรเท่าไหร่ ดังนั้นเราต้องรับผิดชอบ สุดท้ายแล้วลูกค้าเราก็เกิดความประทับใจ เมื่อเราทำให้เขาพอใจแล้ว โอกาสที่เราได้ต่อยอดได้มันก็กว้างขึ้น”

“สิ่งหนึ่งที่เรายึดถือมาโดยตลอดคืออย่าเอาเปรียบลูกค้า หงส์ไทยเป็นบริษัทที่ไม่มีระบบคอมมิชชั่น ลูกน้องผมทุกคนไม่มีค่าคอมมิชชั่นเลยแม้แต่คนเดียว ผมไม่ต้องการไปยัดเยียดสินค้า สร้างโปรแกรมลดแลกแจกแถม เพื่อให้สั่งของกับเราเยอะๆ แล้วเซลส์ก็ได้ผลประโยชน์ตามไป”

“ผมทำแบบนี้เพราะอยากให้ร้านค้าที่อยากได้สินค้าของเรา จะสั่งสินค้าเท่าไหร่ก็ได้ คุณลงสิ้นค้าแค่โหลเดียวลองดูก่อนก็ได้ ถ้าเขาขายได้ค่อยกลับมาสั่งเพิ่ม สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราได้ยอดขายตามความเป็นจริง พอมียอดขายจริงร้านค้าก็จะการันตีให้เรา อีกสิ่งหนึ่งคืออยากให้เขาเชื่อในการทำธุรกิจแบบของเรา เราไม่เคยบีบบังคับให้ลูกค้าลงของสิบโหล ร้อยโหล สุดท้ายร้านค้าขายไม่หมด ของเหลือก็ไม่มีใครรับผิดชอบเพราะเซลส์ได้ค่าคอมไปแล้ว”

“ผมเชื่อว่าถึงแม้ระบบคอมมิชชั่นมันช่วยสร้างยอดขายเยอะก็จริง แต่ถ้าเราไม่รับผิดชอบ ลูกค้าจะไม่เชื่อถือเรา ผมว่าคนไม่ได้โง่นะ เขายอมให้เราเอาเปรียบแค่ครั้งแรกเท่านั้นมันจะไม่มีครั้งต่อไป เราจึงต้องตรงไปตรงมา แม้ว่าการดำเนินธุรกิจแบบผมทำคือเลือกทางที่ยาก เพราะผมเชื่อว่าลงทุนเยอะกว่าจึงจะสำเร็จ”


llli ยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทในการดำเนินธุรกิจ หงส์ไทย ปรับตัวอย่างไร ?

"ผมคิดว่าเราเลี่ยง AI ไม่ได้ครับ มันทำให้สะดวกและเข้ามาช่วยเราได้มาก ผมลงทุนกับทีมไอทีและสร้างทีมใหม่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเพื่อพร้อมรับมือกับสิ่งเหล่านี เรากำลังลงทุนสร้างออฟฟิศที่เซตระบบให้กับทีมใหม่ ดึงคนที่มีประสบการณ์เข้ามาช่วย เพื่อให้เราตามทันปัจจุบันและโลกอนาคต"

"กลับมามองสถานะของคนทำงาน เราประกาศให้ทุกคนรู้ไปเลยว่า อยากให้พนักงานทุกคนช่วยกันหางานให้มากขึ้น เพื่อให้ทุกคนไม่ให้ถูกแย่งงานด้วย AI ถ้าหากเรารื้อระบบองค์กรแบบคิดง่ายจนเกินไป พนักงานที่อยู่กับเรามานาน ก็จะถูกกวาดต้อนด้วย AI และถูกแย่งงานหมด"

"ผมคิดว่าแนวคิดบริหารคนไม่มีผิดถูกนะ แล้วแต่มุมมอง แต่สำหรับหงส์ไทย เราต้องการให้ ”คน”อยู่ได้ด้วย ดังนั้นหากพนักงานให้หางานมากขึ้น หาออเดอร์ หาความเจริญให้บริษัท เพื่อมาหล่อเลี้ยงคนให้ไม่ตกงาน ให้โลกใบนี้ต่อให้เจริญขนาดไหนผมก็เชื่อว่ายังไงก็ต้องมีคน ต่อให้ AI มาในรูปแบบไหน แต่สุดท้ายคนก็ยังต้องอยู่"


llli ที่ผ่านมาหงส์ไทยบินพุ่งทะยานไปสู่ระดับโลก เราเหลิงไปกับความสำเร็จมั้ย ?

“คุณสามารถเรียกความสุขในอดีตของตัวเองกลับมาได้หรือป่าวล่ะ ? ตอนที่ยังไม่เป็นหงส์ไทยคุณนั่งกินไก่ย่างไม้ละสิบยี่สิบบาท ตอนมีตังค์แล้วคุณกินมันได้อยู่มั้ย ? กลับไปนอนบ้านที่คุณนอนบนเสื่อ กางมุ้งนอนเหมือนเมื่อในอดีตได้หรือไม่ ? ถามตัวเองว่าความรู้สึกเหล่านี้นึกย้อนไปเรายังสุขอยู่รึเปล่า ?

"ผมจะบอกว่าตัวตนผมในปัจจุบันถ้าเป็นนักธุรกิจแล้วเรียกคืนความสุขในอดีตของตัวเองกลับมาไม่ได้ ถ้าเราลืมสิ่งเหล่านี้ได้ ตัวตนเราก็ไม่เหมือนเดิม เราก็ลืมบุญคุณ ลืมความสัมพันธ์กับผู้คนที่ตอนนี้ไม่ต้องมีคนเหล่านั้นแล้วก็ได้”

"ผมเป็นคนที่เตือนตัวเองและระลึกอยู่เสมอกับเรื่องพวกนี้ ดังนั้นความสุขของผมมันเรียบง่ายและธรรมดามากกับการใช้ชีวิตเหมือนเดิมที่เคยเป็น มองในแง่ดีว่าการได้สังคมใหม่ที่ดี ได้รับโอกาสจากผู้คน คือโบนัสของชีวิตที่เกิดขึ้น"


llli 'Mission' ในฝันที่อยากทำให้สำเร็จ ?

“ผมเป็นคนไทยในใจมีบางอย่างที่อยากทำให้สังคมเราดีขึ้น เราอยากช่วยคนไทยที่ขาดโอกาส เรามีโครงการเพาะต้นกล้าแจกจ่ายให้ชาวบ้าน นำกลับไปปลูกแล้วส่งกลับมาเรา โครงการนี้เกิดขึ้นแล้ว แต่ก็อยู่ในช่วงดำเนินงานที่ยังไม่สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม แต่เราจะสร้างโอกาสในการรับซื้อต้นกล้าได้ถึง 200 ครอบครัว”

“อีกโครงการที่เราตั้งใจอยากจะทำ คือเรามองหาอาชีพต่างๆ ของคนไทยที่มีสินค้า ในทุกๆอาชีพ งานฝีมือ สินค้าพื้นบ้าน ฯลฯ ส่งทีมงานไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในแต่ละจังหวัด เพื่อสั่งสินค้าเหล่านั้นมาจำหน่าย เป็นการเพิ่มช่องทางการขาย เราปรารถนาที่อยากเห็นอาชีพต่างๆของคนไทยยังคงอยู่ ให้คนที่ขาดโอกาสก็สามารถเข้าถึงอาชีพ เป็นโครงการพี่ช่วยน้อง เราจะพยายามช่วยเขาให้ได้ตามกำลังที่เรามี”

“ทั้งหมดที่เราลงมือทำสิ่งเหล่านี้ เกิดจากที่ตัวเราตั้งคำถามกับชีวิตเราว่า“เราเกิดมาทำไม ถ้าเราเกิดมาแล้วทำอะไรเพื่อให้มันเป็นประโยชน์ ต่อโลกใบนี้ ต่อประเทศเรา ก็คุ้มที่เราได้เกิดมา”



ผมขับรถมาถึงย่านพุทธมณฑลสาย 2 อาคารสำนักงานประตูสีเขียวของ “หงส์ไทย” เด่นสะดุดตา ประตูที่เหมือนเชื้อเชิญให้เราเข้าสู่โลกอีกใบ สำนักงานที่เต็มไปด้วยคำปลุกพลัง และประโยคให้กำลังใจมากมายเรียงรายอยู่บนผนัง ที่เขียนจากผู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตคอยเป็นคติเตือนใจในการทำงาน

ทันทีที่ผลักประตูเข้าไป กลิ่นสมุนไพรหอมเย็นลอยมาแตะจมูกพร้อมกับภาพพนักงานที่ทำงานกันอย่างตั้งใจขะมักเขม้น แต่ยังพร้อมกล่าวต้อนรับเราด้วยน้ำเสียงสุภาพ ทำให้บรรยากาศทั้งสำนักงานที่กำลังวุ่นวาย ดูเป็นมิตร และอบอุ่นในแบบที่รู้สึกได้ทันที

วันนี้เรามีนัดพูดคุยกับ คุณเก่ง ธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้ก่อตั้ง บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ผู้ปั้นยาดมสมุนไพรแบรนด์ไทยให้กลายเป็นสินค้าไทยที่คนทั้งโลกจดจำ

เส้นทางของเขาเริ่มต้นจากโรงเรียนฝึกอาชีพเล็ก ๆ ที่สอนทำพิมเสนน้ำ ผ่านบททดสอบชีวิตนับไม่ถ้วน เก็บเกี่ยวบทเรียนจาก “ความไม่รู้” ล้มแล้วลุกมาไม่รู้กี่ครั้ง จนกลายเป็นภูมิต้านทานที่ทำให้ “หงส์ไทย” ผ่านวิกฤตเติบโตและยืนหยัดอย่างมั่นคงในวันนี้

บทสนทนาครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการสัมภาษณ์ผู้บริหาร
แต่เป็นการพูดคุยในฐานะ “มนุษย์คนหนึ่งกับมนุษย์อีกคนหนึ่ง”
เหมือนรุ่นพี่ถ่ายทอดประสบการณ์ให้รุ่นน้อง
เหมือนลูกพี่คุยกับลูกน้องในช่วงเวลางานที่เรียบง่าย เป็นกันเอง
ในออฟฟิศที่สะท้อนตัวตนของเขาในทุกมุมมอง

llli 'นายเก่ง' ที่กว่าจะมาเป็น ‘คุณเก่ง’ ผ่านอะไรมาบ้าง ?

"ถ้าไล่เส้นทางอาชีพทั้งหมดของผมน่ะเหรอ" ?

เริ่มจากเป็นเด็กหยิบของอยู่ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่บ้านหม้อ

เป็นแมสเซนเจอร์ ขับเวสป้าส่งเอกสาร วางบิล ตามบริษัทต่างๆ

เป็นเด็กวัด

เป็นพนักงานในบริษัทถ่ายภาพนิ่งแคตตาล็อกขายของ ควบคู่อาชีพแมสเซนเจอร์ จนได้เรียนรู้การอัดขยายภาพ ล้างภาพถ่ายขาวดำ

เป็นพนักงานแผนกจัดซื้อในบริษัททำชุดยูนิฟอร์ม ขี่มอเตอร์ไซค์ตระเวนหาซื้อซิป กระดุม ผ้า และวัตถุดิบต่างๆ

เป็นทหารเกณฑ์ 2 ปี ค้นพบว่าตัวเองมีทักษะในการพูด

ปลดทหาร ไปสมัครงานเป็นเซลส์ แต่ไม่มีที่ไหนรับ เพราะผมถามเยอะเกินไป

เป็นคนขายส่งน้ำพริกแคปหมู


llli ‘หงส์ไทย’ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ?

“กว่าจะเป็นหงส์ไทย เชื่อมั้ยกว่าจะมาเป็นทุกวันนี้ผมล้มเลิกมาถึงสามครั้ง”

เราเป็นคนที่ออกมาทำงานตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นจำได้ว่าเราอ่านหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ แล้วเจอโรงเรียนฝึกอาชีพ ที่วัดนางรอง ภาษีเจริญ ไปลงเรียนทำพิมเสนน้ำ และนั่นคือสินค้าที่ขายในครั้งแรก เราลองทำขาย ส่งร้านค้าแต่ก็ไม่สำเร็จเลยหยุดทำไป

จากนั้นเราก็ไปทำงานประจำ แต่ก็ประสบอุบัติเหตุรถชน หยุดงานไปสองเดือน เราคิดว่าอยากกลับมาทำขายในรอบที่สอง โดยครั้งนี้ตั้งใจวางแผนใหม่ คิดวิธีการขายใหม่ ๆ ทำให้ครั้งนี้เราเริ่มขายได้ แต่สุดท้ายแล้วเราไม่เข้าใจเรื่องวิธีการในการตีราคาสินค้า ก็ไม่สำเร็จจนเราหยุดในรอบที่สอง

เราก็กลับไปทำงานประจำในบริษัทอีกครั้ง คราวนี้อยู่สองปีกว่าจนกระทั่งได้กลับไปเยี่ยมร้านที่เคยส่งสินค้าไปวางขาย จนเด็กที่ร้านเขาทักเราว่า “หายไปไหนมาพี่ ลูกค้ายังตามหาของพี่อยู่เลยนะ” คำพูดตรงนี้คือจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้กลับมาทำหงส์ไทยรอบที่สาม เพราะลูกค้ามาถามหาของกับทางร้านที่เราเคยวางสินค้า และทิ้งท้ายกับน้องพนักงานที่บอกเราว่า“เผื่อน้องเขามาส่ง”

จึงทำให้เรากลับมาคิดว่า ทำไมคนถึงตระเวนหาของเรา ? คำตอบคือถ้าเราไม่ยอมแพ้ ตั้งใจทำสินค้าให้ดี สินค้าเรามีคุณภาพมากพอคนจึงถามหา สิ่งเหล่านี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ได้ทำต่อ และเห็นอนาคตว่าถ้าเราตั้งใจทำสินค้าที่มีคุณภาพ เราจะมีอนาคตอย่างแน่นอน


llli ธุรกิจเริ่มจาก”ศูนย์” คือธุรกิจจากความ ”ไม่รู้”

“คำว่าเริ่มต้นจาก”ศูนย์”สำหรับผม ผมมองว่าคือความ”ไม่รู้” เราเริ่มต้นจากการเรียนรู้ สิ่งที่เราผ่านมาและเก็บเกี่ยวความสำเร็จได้คือการได้แก้ไขปัญหาในเรื่องนั้นๆ จนสำเร็จ”

“เราเป็นคนไม่เลือกงานเพราะเราต้องหาเงิน งานทุกงานที่เราได้โอกาสทำนั้นคือความสำเร็จของเราแล้ว ที่ผ่านมาเราเคยถูกอบรมจากลูกพี่ที่สอนงาน ผมพยายามทำให้ตัวเองดีขึ้น จนเริ่มมาเข้าใจอย่างลึกซึ่งตอนเป็นเจ้าของกิจการเองนี่แหละ สิ่งที่เป็นเราคือเรามองย้อนกลับไป ไม่ว่างานจะสูงต่ำ รวยจน เราเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จากงานที่ทำ”

"เราเริ่มทำหงส์ไทยจากพื้นฐานที่เราไม่ได้ร่ำเรียนมาสูง ลองผิดลองถูกมามากมาย หลายครั้งเกิดความเสียหาย ความผิดพลาด ทุกครั้งที่เผชิญสิ่งเหล่านี้ทำให้ตัวเราไม่เหมือนเดิม เพราะเราคิดใหม่กับสิ่งที่เคยทำพลาด เสียหายจริง เจ็บจริง ในทุก ๆ ครั้ง สั่งสมเป็นประสบการณ์ทำให้เราแกร่งขึ้นในทุกวันนี้"

llli “ความผิดพลาด” บทเรียนของนักธุรกิจมือใหม่

"ย้อนกลับไปสิบกว่าปีมาแล้ว สิ่งที่ผมเสียใจในเหตุการณ์ผิดพลาดของบริษัท คือการส่งสเปกสินค้ามาให้เราผิด ปกติเราได้ทะเบียนยา เราสั่งของจากเจ้าเดิม สินค้าเป็นสูตรเดิม เราก็เชื่อใจ เพราะช่วงเวลาที่มีออเดอร์เข้ามามาก เราก็ต้องเร่งผลิตสินค้า เพื่อเป็นสต๊อกเพราะสินค้าเราขายดีมาก จนมารู้ทีหลังว่าร้านค้าส่งตัวยามาผิดเนื่องจากเราถูกคอมเพลนเรื่องกลิ่นที่ผิดเพี้ยนไม่เหมือนเดิม ทำให้เราเสียหายจากการเรียกคืนสินค้าทั้งหมด"

"เรากลับมาตรวจเช็คสินค้าเหล่านั้น แม้ว่ามีคุณภาพที่ขายได้ตามปกติ แต่มันผิดกลิ่น กลิ่นมันเพี้ยนไป คนที่เป็นลูกค้าเก่าเขาจำได้ เราเสียหายไปสามล้านกว่าบาท กับการเรียกคืนสินค้ากว่าแปดแสนชิ้น ซึ่งกว่าจะตั้งหลักบริษัทให้กลับมาเหมือนเดิมใช้เวลา 4 – 5 ปี ผลจากความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้ลูกค้าใหม่ของเราก็หายตามไปด้วย"

“จากครั้งนั้นเราก็ได้เรียนรู้ว่าหลังจากนี้เราต้องรอบคอบ ต้องมีการเทสต์เรื่องกลิ่นและตรวจเชคกันใหม่ทุกครั้งก่อนกระจายสินค้า สมัยก่อนเราทำธุรกิจเงินหมุน แน่นอนว่าการล้มในตอนที่เราไม่รู้ ไม่ได้เป็นเรื่องง่าย และใช้เวลานานกว่าที่จะผ่านปัญหาไปได้”

“มาถึงช่วงที่วิกฤตหนักสุดจริงๆ เป็นช่วงโควิด ตอนนั้นเราพยายามตั้งหลักให้ได้ ภายใต้ข้อห้ามต่าง ๆ มากมาย เราไม่รู้เลยว่าจะพาพนักงานทุกคนรอดไปได้อย่างไร คิดอย่างเดียวว่าเราอยากสู้ให้มันจบตอนนี้เลย เราไม่อยากเสียใจทีหลัง บอกกับพนักงานทุกคนให้สู้ แล้วเราจะผ่านไปด้วยกัน อะไรที่เขาห้ามผมก็ทำหมด เพิ่มคน เพิ่มเงินลงทุน ยอมเสี่ยงเพื่อที่จะผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ จนทำให้หงส์ไทยกลับมาดี และดีมากในช่วงโควิด”

“แม้ว่าจะผ่านเรื่องราวต่างๆ มามาก ปัจจุบันผมจะบอกว่าช่วงนี้หงส์ไทยก็วิกฤตนะ และเป็นวิกฤตในรอบที่ 9 ของบริษัทแล้ว แต่หงส์ไทยได้อานิสงค์จากความรุ่งเรืองที่สู้มาในช่วงโควิด ดังนั้นจากประสบการณ์ที่ผ่านมาผมเชื่อว่าเราก็จะผ่านมันไปได้”

llli “ลูกน้อง” คือเบื้องหลังความสำเร็จของ “ลูกพี่” ในตลอด 20 ปีที่ผ่านมา

“ทุกวันนี้ผมยังนั่งกินข้าวกับพนักงานไม่ต่างจากตอนเริ่มต้น เมื่อก่อนบริษัทมีแค่ไม่กี่คน ผมคลุกคลีกับพนักงานในทุกเหตุการณ์ ทุกปัญหา ผมอยากให้ทีมงานเข้าถึงเราได้เสมอ จะได้สื่อสารกันแบบตรงไปตรงมา ซึมซับความคิดอุดมการณ์ของเราได้ ทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราต่างก็เห็นกันและกันว่าตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบันเราต่างเป็นคนที่ดีขึ้น”

“เวลาเรามองตาลูกน้องเราเข้าใจกัน เรารู้สึกถึงกันได้ เราต้องการสร้างคนและซึมซับแก่นแท้ของเรา ปัจจุบันแม้เปลี่ยนไปเราต่างก็มีผู้ช่วย มีแผนกต่างๆ เพิ่มขึ้น แต่เรายังคงแบบแผนเดิมเหล่านี้ไว้ เรามีความสุขที่ได้เห็นสังคมที่เราสร้างขึ้นมาเอง เป็นสังคมการทำงานที่ดีพร้อมกับการใช้ชีวิตที่ดีไปด้วยกันได้”

"ที่นี่เรามีมาตรฐานของ”ความรักที่เท่ากัน” เราไม่มีระบบลูกรัก มีแต่ความปรารถนาดีโดยเฉพาะกับเด็กรุ่นใหม่ เราพยายามสร้างคนด้วยเจตนาดี ปัจจุบันหงส์ไทยก็มีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานกับเราเยอะมาก เราตักเตือนด้วยเจตนาที่ดี มีดุบ้าง แต่ถ้าถ้า เราเข้าใจเขา เขาก็จะอยู่ได้"

"เราแจกโบนัสทุกปี ถึงไม่มีเงินก็กู้มาแจก สิ่งเหล่านี้เกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยเป็นพนักงานระดับล่างมาก่อน นึกถึงลูกน้องเวลาจะกลับบ้านช่วงเทศกาล เขาช่วยเราเจอปัญหามาทั้งปี พยายามกับเรามาทั้งปี เหล่านี้อาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยนะ สำหรับผมมันสำคัญ เราไปกู้มาจ่ายโบนัสซึ่งใช้สองวันก็หมด เป็นไรค่อยผ่อนคืนทีหลังอีกทีปีหน้า"(หัวเราะ)


“ทุกอย่างเราเห็นอยู่ว่าผิดหลักในการบริหาร แต่ถ้าเราอยากเข้าใจลูกน้องเรา ก็ถือว่าไม่ได้ผิดถ้าเรามองในแบบของเรา ทั้งหมดที่เราทำมันมีเหตุผล ผมได้ยกระดับความเสียสละของตัวเองที่ในฐานะหัวหน้า และเหตผลอีกมากมายที่มันลึกซึ่งกับการทำสิ่งต่างๆให้พนักงาน”

“หากมอง ในทางกลับกันเราก็มีแรงอยากสู้มากขึ้น อยากทำงานให้ได้เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น ถึงแม้ว่าเราไม่มีตัวช่วยเรื่องการเงิน ไม่มีเงินถุงเงินถึง เราเป็นธุรกิจเงินหมุนเพราะเงินเราถูกกระจายออกไปอยู่กับลูกค้าที่ยังไม่ถึงรอบจ่าย ปลายปีมาหงส์ไทยจึงไม่กำไร ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเราเป็นคนคิดง่ายๆ บอกลูกน้องว่าจ่ายให้ไม่ได้เพราะงบไม่พอ มันก็จบแล้วถูกมั้ย? แต่การทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้กระทบอะไรกับเรามากมาย เพราะวันนี้เรามาไกลมากแล้ว เรามีเงินมากกว่าวันนั้นที่เรากู้มาอีก”


llli บริหารห่วงโซ่ธุรกิจทั้งหมดของหงส์ไทยอย่างไร ?

“เมื่อเราเริ่มจากธุรกิจขนาดเล็ก เราบริหารแค่พูดตรง ๆ บริหารตรง ๆ มันทำให้มีความสุข ตั้งแต่เริ่มต้นทำหงส์ไทยมา เราเป็นคู่ค้าที่ดูแลร้านค้าอย่างดี เราบริการร้านค้าในระดับที่เขาพอใจเรา เมื่อสั่งสินค้าเราไปเจอปัญหาขายไม่ได้เพราะแตกหักเสียหายเราเปลี่ยนให้ สินค้าตัวอย่างหมดเราส่งให้ใหม่ ผมลงทุนกับเรื่องเหล่านี้มหาศาล เพราะเราเข้าใจว่าลูกค้าที่ซื้อของเราไปขายได้กำไรเท่าไหร่ ดังนั้นเราต้องรับผิดชอบ สุดท้ายแล้วลูกค้าเราก็เกิดความประทับใจ เมื่อเราทำให้เขาพอใจแล้ว โอกาสที่เราได้ต่อยอดได้มันก็กว้างขึ้น”

“สิ่งหนึ่งที่เรายึดถือมาโดยตลอดคืออย่าเอาเปรียบลูกค้า หงส์ไทยเป็นบริษัทที่ไม่มีระบบคอมมิชชั่น ลูกน้องผมทุกคนไม่มีค่าคอมมิชชั่นเลยแม้แต่คนเดียว ผมไม่ต้องการไปยัดเยียดสินค้า สร้างโปรแกรมลดแลกแจกแถม เพื่อให้สั่งของกับเราเยอะๆ แล้วเซลส์ก็ได้ผลประโยชน์ตามไป”

“ผมทำแบบนี้เพราะอยากให้ร้านค้าที่อยากได้สินค้าของเรา จะสั่งสินค้าเท่าไหร่ก็ได้ คุณลงสิ้นค้าแค่โหลเดียวลองดูก่อนก็ได้ ถ้าเขาขายได้ค่อยกลับมาสั่งเพิ่ม สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราได้ยอดขายตามความเป็นจริง พอมียอดขายจริงร้านค้าก็จะการันตีให้เรา อีกสิ่งหนึ่งคืออยากให้เขาเชื่อในการทำธุรกิจแบบของเรา เราไม่เคยบีบบังคับให้ลูกค้าลงของสิบโหล ร้อยโหล สุดท้ายร้านค้าขายไม่หมด ของเหลือก็ไม่มีใครรับผิดชอบเพราะเซลส์ได้ค่าคอมไปแล้ว”

“ผมเชื่อว่าถึงแม้ระบบคอมมิชชั่นมันช่วยสร้างยอดขายเยอะก็จริง แต่ถ้าเราไม่รับผิดชอบ ลูกค้าจะไม่เชื่อถือเรา ผมว่าคนไม่ได้โง่นะ เขายอมให้เราเอาเปรียบแค่ครั้งแรกเท่านั้นมันจะไม่มีครั้งต่อไป เราจึงต้องตรงไปตรงมา แม้ว่าการดำเนินธุรกิจแบบผมทำคือเลือกทางที่ยาก เพราะผมเชื่อว่าลงทุนเยอะกว่าจึงจะสำเร็จ”


llli ยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทในการดำเนินธุรกิจ หงส์ไทย ปรับตัวอย่างไร ?

"ผมคิดว่าเราเลี่ยง AI ไม่ได้ครับ มันทำให้สะดวกและเข้ามาช่วยเราได้มาก ผมลงทุนกับทีมไอทีและสร้างทีมใหม่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเพื่อพร้อมรับมือกับสิ่งเหล่านี เรากำลังลงทุนสร้างออฟฟิศที่เซตระบบให้กับทีมใหม่ ดึงคนที่มีประสบการณ์เข้ามาช่วย เพื่อให้เราตามทันปัจจุบันและโลกอนาคต"

"กลับมามองสถานะของคนทำงาน เราประกาศให้ทุกคนรู้ไปเลยว่า อยากให้พนักงานทุกคนช่วยกันหางานให้มากขึ้น เพื่อให้ทุกคนไม่ให้ถูกแย่งงานด้วย AI ถ้าหากเรารื้อระบบองค์กรแบบคิดง่ายจนเกินไป พนักงานที่อยู่กับเรามานาน ก็จะถูกกวาดต้อนด้วย AI และถูกแย่งงานหมด"

"ผมคิดว่าแนวคิดบริหารคนไม่มีผิดถูกนะ แล้วแต่มุมมอง แต่สำหรับหงส์ไทย เราต้องการให้ ”คน”อยู่ได้ด้วย ดังนั้นหากพนักงานให้หางานมากขึ้น หาออเดอร์ หาความเจริญให้บริษัท เพื่อมาหล่อเลี้ยงคนให้ไม่ตกงาน ให้โลกใบนี้ต่อให้เจริญขนาดไหนผมก็เชื่อว่ายังไงก็ต้องมีคน ต่อให้ AI มาในรูปแบบไหน แต่สุดท้ายคนก็ยังต้องอยู่"


llli ที่ผ่านมาหงส์ไทยบินพุ่งทะยานไปสู่ระดับโลก เราเหลิงไปกับความสำเร็จมั้ย ?

“คุณสามารถเรียกความสุขในอดีตของตัวเองกลับมาได้หรือป่าวล่ะ ? ตอนที่ยังไม่เป็นหงส์ไทยคุณนั่งกินไก่ย่างไม้ละสิบยี่สิบบาท ตอนมีตังค์แล้วคุณกินมันได้อยู่มั้ย ? กลับไปนอนบ้านที่คุณนอนบนเสื่อ กางมุ้งนอนเหมือนเมื่อในอดีตได้หรือไม่ ? ถามตัวเองว่าความรู้สึกเหล่านี้นึกย้อนไปเรายังสุขอยู่รึเปล่า ?

"ผมจะบอกว่าตัวตนผมในปัจจุบันถ้าเป็นนักธุรกิจแล้วเรียกคืนความสุขในอดีตของตัวเองกลับมาไม่ได้ ถ้าเราลืมสิ่งเหล่านี้ได้ ตัวตนเราก็ไม่เหมือนเดิม เราก็ลืมบุญคุณ ลืมความสัมพันธ์กับผู้คนที่ตอนนี้ไม่ต้องมีคนเหล่านั้นแล้วก็ได้”

"ผมเป็นคนที่เตือนตัวเองและระลึกอยู่เสมอกับเรื่องพวกนี้ ดังนั้นความสุขของผมมันเรียบง่ายและธรรมดามากกับการใช้ชีวิตเหมือนเดิมที่เคยเป็น มองในแง่ดีว่าการได้สังคมใหม่ที่ดี ได้รับโอกาสจากผู้คน คือโบนัสของชีวิตที่เกิดขึ้น"


llli 'Mission' ในฝันที่อยากทำให้สำเร็จ ?

“ผมเป็นคนไทยในใจมีบางอย่างที่อยากทำให้สังคมเราดีขึ้น เราอยากช่วยคนไทยที่ขาดโอกาส เรามีโครงการเพาะต้นกล้าแจกจ่ายให้ชาวบ้าน นำกลับไปปลูกแล้วส่งกลับมาเรา โครงการนี้เกิดขึ้นแล้ว แต่ก็อยู่ในช่วงดำเนินงานที่ยังไม่สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม แต่เราจะสร้างโอกาสในการรับซื้อต้นกล้าได้ถึง 200 ครอบครัว”

“อีกโครงการที่เราตั้งใจอยากจะทำ คือเรามองหาอาชีพต่างๆ ของคนไทยที่มีสินค้า ในทุกๆอาชีพ งานฝีมือ สินค้าพื้นบ้าน ฯลฯ ส่งทีมงานไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในแต่ละจังหวัด เพื่อสั่งสินค้าเหล่านั้นมาจำหน่าย เป็นการเพิ่มช่องทางการขาย เราปรารถนาที่อยากเห็นอาชีพต่างๆของคนไทยยังคงอยู่ ให้คนที่ขาดโอกาสก็สามารถเข้าถึงอาชีพ เป็นโครงการพี่ช่วยน้อง เราจะพยายามช่วยเขาให้ได้ตามกำลังที่เรามี”

“ทั้งหมดที่เราลงมือทำสิ่งเหล่านี้ เกิดจากที่ตัวเราตั้งคำถามกับชีวิตเราว่า“เราเกิดมาทำไม ถ้าเราเกิดมาแล้วทำอะไรเพื่อให้มันเป็นประโยชน์ ต่อโลกใบนี้ ต่อประเทศเรา ก็คุ้มที่เราได้เกิดมา”



Text:

Chanathip K

Chanathip K

PHOTO:

Mashlabphoto

Mashlabphoto

Related Posts