Chris Wailes จาก Volvo Car Thailand ดีไซน์สัมพันธ์กับความยั่งยืน

Chris Wailes จาก Volvo Car Thailand ดีไซน์สัมพันธ์กับความยั่งยืน

25 ต.ค. 2566

SHARE WITH:

25 ต.ค. 2566

25 ต.ค. 2566

SHARE WITH:

SHARE WITH:

Chris Wailes จาก Volvo Car Thailand ดีไซน์สัมพันธ์กับความยั่งยืน

“เราทำให้เรื่องความยั่งยืนครอบคลุมไปในงานออกแบบรถด้วย เพื่อช่วยให้ผู้คนเข้าใจได้มากขึ้นถึงวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพราะผมคิดว่ายังมีคนที่คิดว่าวัสดุพวกนี้เป็นของถูกหรือเป็นของมือสอง แต่การสร้างความรับรู้คืองานที่เราจำเป็นต้องทำ”

ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นของคุ้นตาบนถนนเมืองไทย คุณคริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ Volvo Car Thailand บอกกับเราว่า ถึงแม้นวัตกรรมการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV มีหัวใจอยู่ที่เทคโนโลยีและแบตเตอร์รี่ แต่จริงๆ แล้วมีมากกว่านั้น คือการใส่ใจในรายละเอียด คิดและทำทุกส่วนให้เป็นสีเขียวอย่างมีศิลปะ

“นี่ไม่ได้เกี่ยวกับแค่เรื่องการใช้พลังงานภายในรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเป้าหมายทั้งหมดของ Volvo Cars ในฐานะองค์กรด้วย นั่นหมายถึง เราต้องบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนให้ได้”


“ขอย้ำอีกครั้งว่า เรื่องพวกนี้พูดง่าย แต่ทำยากมาก” คุณคริสเล่า “คุณจะเห็นว่า การออกแบบของเราพัฒนาต่อเนื่อง โดยในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา เราได้เลิกจำหน่ายรถเครื่องยนต์สันดาป และเริ่มเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ตั้งแต่ปี 2022 โดยเราตั้งเป้าที่จะเปิดตัวรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 1 รุ่นทุกปี การที่รถมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีที่อยู่ในตัวรถจึงจำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งรถไฟฟ้าของวอลโว่ รวมถึง EX30 ที่เราเพิ่งเปิดตัวมาพร้อมความสามารถในการอัปเดตซอฟต์แวร์ในตัวเองเหมือนกับที่คุณสามารถกดอัพเดตมือถือ”

คุณคริสพาพวกเราไปลงในรายละเอียดงานออกแบบในแบบสแกนดิเนเวียนของวอลโว่ และการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของความยั่งยืนด้วยการใช้ดีไซน์เป็นเครื่องมือในทุกองค์ประกอบ ทั้งการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้า และการออกแบบองค์กร

 

 

IIIi - ความเรียบง่าย รูปฟอร์ม และฟังก์ชัน

“ถ้าลงลึกที่เรื่องดีไซน์ของรถยนต์ แน่นอนว่าทุกอย่างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนไปตลอดอยู่แล้ว ในขณะที่รถยนต์ของเราเองใช้การออกแบบแบบสแกนดิเนเวียที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมาก ในเรื่องความเรียบง่าย รูปฟอร์ม และฟังก์ชัน ทำให้รถของเราโดดเด่น” คุณคริสเริ่มต้นเท้าความจากงานดีไซน์ที่เป็นรากฐานของทุกการออกแบบผลิตภัณฑ์

งานออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียเรียกได้ว่าจับใจคนไทยมาเสมอ ด้วยความเรียบง่ายของรูปลักษณ์ เส้นสายที่ถูกคิดมาทุกจุดเพื่อให้ฟังก์ชันการใช้งานเป็นไปได้ดีพร้อมกันกับสุนทรียะของความสวยงาม นั่นทำให้แม้แต่คนที่อาจไม่ได้อินในเรื่องงานดีไซน์เลย ถ้าเพียงได้มองเห็นก็จะรู้สึกได้ถึงความลงตัวและกลมกล่อมด้วยตัวงานเอง 

“ถ้าให้ยกตัวอย่างรถวอลโว่รุ่น EX30” คุณคริสยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นความสำคัญของงานออกแบบได้ชัดเจนขึ้น

 

“คันนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันที่สองที่เราออกแบบเพื่อให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยพลังแบตเตอรี่โดยเฉพาะ พอคุณใช้เงื่อนไขของแบตเตอรี่เป็นงานออกแบบ เราก็สามารถสร้างรถยนต์ที่แตกต่างออกไปจากเดิมได้ ดังนั้นคุณจะสังเกตได้ว่า อย่างไฟหน้าของรถจะมีดีไซน์ที่กว้าง ช่วยให้ประสิทธิภาพการส่องสว่างดีขึ้นซึ่งเป็นเหตุผลด้านความปลอดภัย และเมื่อไม่ใช่รถยนต์มอเตอร์ ก็ไม่จำเป็นต้องมีตะแกรงสำหรับระบายความร้อนของเครื่องยนต์ด้านหน้า เราเลยยืดไฟหน้าให้ยาวขึ้น ทำให้รถดูโดดเด่นและมีไดนามิก แล้วส่วนใต้กระโปรงหน้าก็ยังมีพื้นที่เพิ่มอีกมากเพราะไม่ต้องใส่เครื่องยนต์สันดาป คุณสามารถใส่ล้อลงไปตรงนั้นได้ด้วยซ้ำ นี่คือข้อได้เปรียบตรงนี้” 

“อย่างเส้นสีดำที่พาดจากด้านหน้า ข้ามตัวรถไปจนถึงด้านท้าย มันดูเรียบง่ายและธรรมดามาก แต่จริงๆ แล้วมันคือเซนเซอร์ที่ซ่อนอยู่ในเส้นสีดำนั้น ที่ถูกออกแบบมาให้ผสานไปกับดีไซน์ของตัวรถ ไม่ให้ดูโดดออกมา หรือพอเข้าไปภายใน สังเกตได้ว่าข้างในรถจะมีปุ่มน้อยมาก ซึ่งนี่ก็เป็นความตั้งใจของเรา เพราะถ้าคิดถึงรถยนต์แบบเดิมๆ ที่มีปุ่มเยอะๆ เราใช้มันไม่หมดหรอก แล้วสุดท้ายก็จะลืมว่ามันใช้ทำอะไรบ้าง จากตรงนี้ก็จะเห็นประเด็นที่ว่า เราเลยตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป แต่ก็ยังสามารถควบคุมรถได้เหมือนเดิม จริงๆ แค่ใช้เสียงก็ควบคุมรถได้โดยไม่ต้องมีปุ่มอะไร หรือแค่กดปุ่มบนพวงมาลัยก็ใช้งานได้เลย แต่เราก็ออกแบบไว้ให้มีในจำนวนเท่าที่จำเป็น”

 

งานออกแบบสำหรับวอลโว่ไม่ได้หมายความถึงเฉพาะดีไซน์สำหรับตัวรถ แต่ยังเป็นการออกแบบกระบวนการทั้งหลายเพื่อพาวอลโว่ไปสู่นโยบายปลายทางที่ความยั่งยืน เช่นเดียวกันกับการค้นหานวัตกรรมที่จะทำให้รถยนต์คันนี้บอกเล่าความเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เกิดมาเพื่อโลกยุคใหม่ผ่านการสัมผัสและใช้งานจริง

“อย่างที่เราเห็นวัสดุจากผ้ายีนส์ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น EX30 เราไม่ได้เอาผ้ายีนส์ทั้งผืนมาทำ แต่วัตถุดิบที่เราเอามาคือเส้นใยที่เหลือจากกระบวนการผลิตมาถักทอใหม่เข้าด้วยกัน อดีตเศษพวกนี้อาจถูกกวาดทิ้งแล้วฝังกลบ แต่สิ่งที่เรากำลังทำคือบอกว่า กวาดมาแล้วมอบให้เรา เราจะเปลี่ยนของเหลือทิ้งเหล่านี้เป็นงานตกแต่งภายในรถยนต์ให้เอง”

“ผมคิดว่านักออกแบบของสวีเดนทำเรื่องนี้ได้ดีมากนะ” คุณคริสเล่า “ในการค้นหาวิธีการต่างๆ เพื่อใช้งานวัสดุที่หลากหลาย อย่างถ้าคุณอยากได้สีใหม่เป็นสีเหลืองมอสส์ สีนั้นได้มาจากชาวสวีเดนที่ลงไปในมหาสมุทรแล้วมองเห็นก้อนหินถูกปกคลุมไปด้วยมอสส์สีเหลือง นี่แหละคือที่มาของสีเหล่านั้น มาจากแรงบันดาลใจในธรรมชาติ และเพราะมีที่มาจากมหาสมุทร สีของเราทั้งหมดจึงเป็นสีสูตรน้ำ ดังนั้นเราจึงไม่ใช้งานสีรูปแบบเก่าที่ผสมสารตะกั่วซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งปลอดภัยต่อทั้งคนและทั้งโลกที่เป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเรา”

 

“เราเลือกใช้วัสดุที่ดียิ่งขึ้น ดีขึ้นในที่นี้เป็นทั้งในเรื่องคุณภาพ เกิดประโยชน์สูงสุด และมีของเสียลดลง” ของเสียก็เป็นประเด็นสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตที่ต้องคิดเพื่อสร้างสิ่งใหม่ “อีกสิ่งหนึ่งที่เราพยายามทำคือ การลดของเสียโดยรวม ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่ของเสียจากไลน์ผลิตเท่านั้น แต่เป็นตลอดทั้งกระบวนการ โดยมีเป้าที่จะลดให้ได้ที่ 40% ต่อคัน ภายในปี 2025 ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นงานใหญ่มาก”

จากทั้งหมดนี้เราจะเห็นได้ว่า ในสมการงานออกแบบของวอลโว่มีคำว่า ‘ความยั่งยืน’ เป็นอีกหนึ่งส่วนที่แฝงอยู่ในงานสไตล์สแกนฯ แบบที่เห็นกัน “เราทำให้เรื่องนี้ครอบคลุมไปในงานออกแบบรถด้วย เพื่อช่วยให้ผู้คนเข้าใจได้มากขึ้นถึงวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพราะผมคิดว่ายังมีคนที่คิดว่าวัสดุพวกนี้เป็นของถูกหรือเป็นของมือสอง แต่การสร้างความรับรู้คืองานที่เราจำเป็นต้องทำ”

 

IIIi - ออกแบบรถยนต์ พร้อมกันกับการออกแบบนโยบาย

การเล่าเรื่องราวให้เห็นภาพแบบง่ายๆ ก็เป็นเสน่ห์ของการเล่าเรื่องแบบวอลโว่ เช่นเดียวกันกับการเล่าเรื่องราวของนโยบายให้เราเห็นภาพชัดเจน “อย่างที่เราเห็นว่าบนท้องถนนในกรุงเทพฯ ทุกวันนี้มีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่มากมาย แต่สำหรับเรา เรามองไกลกว่านั้นมาก นี่ไม่ใช่เพียงแค่การใช้พลังงานไฟฟ้าในรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นเป้าหมายทั้งหมดของ Volvo Cars ในฐานะองค์กรด้วย”

“ย้อนกลับไปในปี 2015 พูดตามตรงว่า โลกของเรากำลังประสบปัญหาในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ มีข้อตกลงปารีสเกิดขึ้น เราตระหนักได้ทันทีว่าเราเป็นส่วนเล็กๆ ของปัญหา แต่เราสามารถมีบทบาทที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ได้ในการเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา นั่นคือสิ่งที่เรามุ่งเน้น ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่เป็นกลางต่อสภาพภูมิอากาศทั่วโลกให้ได้” 

ถ้าคิดถึงอุตสาหกรรมยานยนต์แล้ว กระบวนการเริ่มต้นตั้งแต่การผลิตในโรงงานไปจนถึงการส่งออกไปจำหน่ายทั่วทุกมุมโลก “นี่ไม่ใช่ความกลัว” คุณคริสเน้นย้ำ “นี่เป็นงานที่ยิ่งใหญ่มากในการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนให้เกิดขึ้นตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของคุณ เรามีแผนที่ประสานงานกันเป็นอย่างดี โดยมี 3 เสาหลักเป็นพื้นฐาน”

 

ข้อแรกคือ การรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ “เราตั้งใจสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนให้ได้ภายในปี 2040 แต่เราตั้งเป้าที่จะลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากท่อไอเสียรถยนต์ของเราให้ได้ 50% ภายในปี 2025 ซึ่งรถยนต์ Volvo EX30 ที่พึ่งเปิดตัวไปนี้จะมีบทบาทสำคัญในการพาเราบรรลุเป้าหมายนั้นได้ พร้อมกันกับการทำงานตลอดทั้งห่วงโซ่ตั้งแต่การผลิตในโรงงาน การรับชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ และตัวแทนจำหน่าย เราตั้งเป้าหมายนี้ไปพร้อมกัน”

อย่างวอลโว่ในประเทศไทยเอง ก็มีการเริ่มต้นการใช้พลังงานสะอาดภายในองค์กรที่ตอนนี้เป้าอยู่ที่ต้องลดการใช้ไฟฟ้าให้ได้ 50% ผ่านการทำโซลาร์ฟาร์ม ณ คลังสินค้าและศูนย์จัดอบรมแบบครบวงจร Volvo Car Thailand Central Distribution & Training Center ในประเทศไทย หรืออย่างการเปิดตัวโรงจอดรถของตัวแทนผู้จำหน่ายวอลโว่ในหลายๆแห่ง ที่บนหลังคาติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ แล้วดึงพลังงานเหล่านั้นมาแปลงเป็นไฟฟ้า ต่อเข้ากับกล่องที่ผนังและเป็นพลังงานไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ต่อไปได้

 

ข้อที่สองเป็นหัวเรื่องของเศรษฐกิจหมุนเวียน “ที่เล่ามาก่อนหน้าเกี่ยวกับการใช้วัสดุก็เป็นส่วนหนึ่งในหัวเรื่องนี้ หรืออีกตัวอย่างคือ ในแบตเตอรี่ เราจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า เราใช้ทรัพยากรเหล่านั้นให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่เราสามารถทำได้ และพยายามนำกลับมาใช้ใหม่ทุกครั้งที่เป็นไปได้ อย่างการรีไซเคิลแบตเตอรี่หรือการซ่อมแซมแบตเตอรี่ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า”

“นั่นหมายความว่า ในภาพใกล้คือการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด แต่ภาพกว้างคือการช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 2,500 กิโลตันต่อปีภายในปี 2025 ด้วยหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน ดังนั้น วัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุชีวภาพจะต้องเป็นส่วนประกอบ 25% ภายในรถยนต์ของเราให้ได้ภายในปี 2025 ซึ่งนั่นเป็นเรื่องใหญ่มาก และ EX30 ก็เป็นสิ่งที่ย้ำกับเราว่า เรากำลังมาถูกทางแล้ว”

และข้อสุดท้ายคือ จริยธรรมในการดำเนินธุรกิจและความรับผิดชอบ “ผมพูดได้ว่าเรื่องนี้เรามีความโดดเด่นมากในฐานะองค์กร เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เรามุ่งเน้นมาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับค่านิยมทางจริยธรรมของเรา เช่น เรามีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดในการใช้แรงงานที่ต้องมีอายุไม่น้อยกว่าตามที่กฎหมายกำหนด หรือการให้ความสำคัญด้านความเท่าเทียมในการจ้างงานที่ไม่จำกัดเพศสภาพ  ประเด็นเหล่านี้เราไม่เพียงนำมาใช้กับภายในองค์กรเท่านั้น แต่เรายังใช้กับคู่ค้าและพันธมิตรของเราทั้งหมด เพราะการใช้ชีวิตให้ดีในทุกวันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน”

 

“ผมคิดว่าความยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญมาก” คุณคริสทิ้งท้าย “สิ่งที่วอลโว่กำลังทำอยู่ตอนนี้คือการทำให้ผู้คนมองเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีนัยยะ มีหน้าที่ในตัวของมันเอง และโดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้งาน ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้รถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายอยู่ในตลาดมอบคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่สำคัญเหนือกว่านั้นคือ รถยนต์ไฟฟ้าที่คิดรอบ ไม่ใช่แค่เรื่องกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่เรื่องพื้นฐานคือการเป็นมิตรกับผู้ใช้งานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตั้งแต่การชาร์จ การใช้งานประจำวัน ไปจนถึงการบำรุงรักษา”

“และเราต้องบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนให้ได้ เพราะผมคิดว่านั่นจะทำให้เราแตกต่างในฐานะองค์กร”

 

“เราทำให้เรื่องความยั่งยืนครอบคลุมไปในงานออกแบบรถด้วย เพื่อช่วยให้ผู้คนเข้าใจได้มากขึ้นถึงวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพราะผมคิดว่ายังมีคนที่คิดว่าวัสดุพวกนี้เป็นของถูกหรือเป็นของมือสอง แต่การสร้างความรับรู้คืองานที่เราจำเป็นต้องทำ”

ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นของคุ้นตาบนถนนเมืองไทย คุณคริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ Volvo Car Thailand บอกกับเราว่า ถึงแม้นวัตกรรมการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV มีหัวใจอยู่ที่เทคโนโลยีและแบตเตอร์รี่ แต่จริงๆ แล้วมีมากกว่านั้น คือการใส่ใจในรายละเอียด คิดและทำทุกส่วนให้เป็นสีเขียวอย่างมีศิลปะ

“นี่ไม่ได้เกี่ยวกับแค่เรื่องการใช้พลังงานภายในรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเป้าหมายทั้งหมดของ Volvo Cars ในฐานะองค์กรด้วย นั่นหมายถึง เราต้องบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนให้ได้”


“ขอย้ำอีกครั้งว่า เรื่องพวกนี้พูดง่าย แต่ทำยากมาก” คุณคริสเล่า “คุณจะเห็นว่า การออกแบบของเราพัฒนาต่อเนื่อง โดยในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา เราได้เลิกจำหน่ายรถเครื่องยนต์สันดาป และเริ่มเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ตั้งแต่ปี 2022 โดยเราตั้งเป้าที่จะเปิดตัวรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 1 รุ่นทุกปี การที่รถมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีที่อยู่ในตัวรถจึงจำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งรถไฟฟ้าของวอลโว่ รวมถึง EX30 ที่เราเพิ่งเปิดตัวมาพร้อมความสามารถในการอัปเดตซอฟต์แวร์ในตัวเองเหมือนกับที่คุณสามารถกดอัพเดตมือถือ”

คุณคริสพาพวกเราไปลงในรายละเอียดงานออกแบบในแบบสแกนดิเนเวียนของวอลโว่ และการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของความยั่งยืนด้วยการใช้ดีไซน์เป็นเครื่องมือในทุกองค์ประกอบ ทั้งการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้า และการออกแบบองค์กร

 

 

IIIi - ความเรียบง่าย รูปฟอร์ม และฟังก์ชัน

“ถ้าลงลึกที่เรื่องดีไซน์ของรถยนต์ แน่นอนว่าทุกอย่างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนไปตลอดอยู่แล้ว ในขณะที่รถยนต์ของเราเองใช้การออกแบบแบบสแกนดิเนเวียที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมาก ในเรื่องความเรียบง่าย รูปฟอร์ม และฟังก์ชัน ทำให้รถของเราโดดเด่น” คุณคริสเริ่มต้นเท้าความจากงานดีไซน์ที่เป็นรากฐานของทุกการออกแบบผลิตภัณฑ์

งานออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียเรียกได้ว่าจับใจคนไทยมาเสมอ ด้วยความเรียบง่ายของรูปลักษณ์ เส้นสายที่ถูกคิดมาทุกจุดเพื่อให้ฟังก์ชันการใช้งานเป็นไปได้ดีพร้อมกันกับสุนทรียะของความสวยงาม นั่นทำให้แม้แต่คนที่อาจไม่ได้อินในเรื่องงานดีไซน์เลย ถ้าเพียงได้มองเห็นก็จะรู้สึกได้ถึงความลงตัวและกลมกล่อมด้วยตัวงานเอง 

“ถ้าให้ยกตัวอย่างรถวอลโว่รุ่น EX30” คุณคริสยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นความสำคัญของงานออกแบบได้ชัดเจนขึ้น

 

“คันนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันที่สองที่เราออกแบบเพื่อให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยพลังแบตเตอรี่โดยเฉพาะ พอคุณใช้เงื่อนไขของแบตเตอรี่เป็นงานออกแบบ เราก็สามารถสร้างรถยนต์ที่แตกต่างออกไปจากเดิมได้ ดังนั้นคุณจะสังเกตได้ว่า อย่างไฟหน้าของรถจะมีดีไซน์ที่กว้าง ช่วยให้ประสิทธิภาพการส่องสว่างดีขึ้นซึ่งเป็นเหตุผลด้านความปลอดภัย และเมื่อไม่ใช่รถยนต์มอเตอร์ ก็ไม่จำเป็นต้องมีตะแกรงสำหรับระบายความร้อนของเครื่องยนต์ด้านหน้า เราเลยยืดไฟหน้าให้ยาวขึ้น ทำให้รถดูโดดเด่นและมีไดนามิก แล้วส่วนใต้กระโปรงหน้าก็ยังมีพื้นที่เพิ่มอีกมากเพราะไม่ต้องใส่เครื่องยนต์สันดาป คุณสามารถใส่ล้อลงไปตรงนั้นได้ด้วยซ้ำ นี่คือข้อได้เปรียบตรงนี้” 

“อย่างเส้นสีดำที่พาดจากด้านหน้า ข้ามตัวรถไปจนถึงด้านท้าย มันดูเรียบง่ายและธรรมดามาก แต่จริงๆ แล้วมันคือเซนเซอร์ที่ซ่อนอยู่ในเส้นสีดำนั้น ที่ถูกออกแบบมาให้ผสานไปกับดีไซน์ของตัวรถ ไม่ให้ดูโดดออกมา หรือพอเข้าไปภายใน สังเกตได้ว่าข้างในรถจะมีปุ่มน้อยมาก ซึ่งนี่ก็เป็นความตั้งใจของเรา เพราะถ้าคิดถึงรถยนต์แบบเดิมๆ ที่มีปุ่มเยอะๆ เราใช้มันไม่หมดหรอก แล้วสุดท้ายก็จะลืมว่ามันใช้ทำอะไรบ้าง จากตรงนี้ก็จะเห็นประเด็นที่ว่า เราเลยตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป แต่ก็ยังสามารถควบคุมรถได้เหมือนเดิม จริงๆ แค่ใช้เสียงก็ควบคุมรถได้โดยไม่ต้องมีปุ่มอะไร หรือแค่กดปุ่มบนพวงมาลัยก็ใช้งานได้เลย แต่เราก็ออกแบบไว้ให้มีในจำนวนเท่าที่จำเป็น”

 

งานออกแบบสำหรับวอลโว่ไม่ได้หมายความถึงเฉพาะดีไซน์สำหรับตัวรถ แต่ยังเป็นการออกแบบกระบวนการทั้งหลายเพื่อพาวอลโว่ไปสู่นโยบายปลายทางที่ความยั่งยืน เช่นเดียวกันกับการค้นหานวัตกรรมที่จะทำให้รถยนต์คันนี้บอกเล่าความเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เกิดมาเพื่อโลกยุคใหม่ผ่านการสัมผัสและใช้งานจริง

“อย่างที่เราเห็นวัสดุจากผ้ายีนส์ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น EX30 เราไม่ได้เอาผ้ายีนส์ทั้งผืนมาทำ แต่วัตถุดิบที่เราเอามาคือเส้นใยที่เหลือจากกระบวนการผลิตมาถักทอใหม่เข้าด้วยกัน อดีตเศษพวกนี้อาจถูกกวาดทิ้งแล้วฝังกลบ แต่สิ่งที่เรากำลังทำคือบอกว่า กวาดมาแล้วมอบให้เรา เราจะเปลี่ยนของเหลือทิ้งเหล่านี้เป็นงานตกแต่งภายในรถยนต์ให้เอง”

“ผมคิดว่านักออกแบบของสวีเดนทำเรื่องนี้ได้ดีมากนะ” คุณคริสเล่า “ในการค้นหาวิธีการต่างๆ เพื่อใช้งานวัสดุที่หลากหลาย อย่างถ้าคุณอยากได้สีใหม่เป็นสีเหลืองมอสส์ สีนั้นได้มาจากชาวสวีเดนที่ลงไปในมหาสมุทรแล้วมองเห็นก้อนหินถูกปกคลุมไปด้วยมอสส์สีเหลือง นี่แหละคือที่มาของสีเหล่านั้น มาจากแรงบันดาลใจในธรรมชาติ และเพราะมีที่มาจากมหาสมุทร สีของเราทั้งหมดจึงเป็นสีสูตรน้ำ ดังนั้นเราจึงไม่ใช้งานสีรูปแบบเก่าที่ผสมสารตะกั่วซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งปลอดภัยต่อทั้งคนและทั้งโลกที่เป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเรา”

 

“เราเลือกใช้วัสดุที่ดียิ่งขึ้น ดีขึ้นในที่นี้เป็นทั้งในเรื่องคุณภาพ เกิดประโยชน์สูงสุด และมีของเสียลดลง” ของเสียก็เป็นประเด็นสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตที่ต้องคิดเพื่อสร้างสิ่งใหม่ “อีกสิ่งหนึ่งที่เราพยายามทำคือ การลดของเสียโดยรวม ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่ของเสียจากไลน์ผลิตเท่านั้น แต่เป็นตลอดทั้งกระบวนการ โดยมีเป้าที่จะลดให้ได้ที่ 40% ต่อคัน ภายในปี 2025 ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นงานใหญ่มาก”

จากทั้งหมดนี้เราจะเห็นได้ว่า ในสมการงานออกแบบของวอลโว่มีคำว่า ‘ความยั่งยืน’ เป็นอีกหนึ่งส่วนที่แฝงอยู่ในงานสไตล์สแกนฯ แบบที่เห็นกัน “เราทำให้เรื่องนี้ครอบคลุมไปในงานออกแบบรถด้วย เพื่อช่วยให้ผู้คนเข้าใจได้มากขึ้นถึงวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพราะผมคิดว่ายังมีคนที่คิดว่าวัสดุพวกนี้เป็นของถูกหรือเป็นของมือสอง แต่การสร้างความรับรู้คืองานที่เราจำเป็นต้องทำ”

 

IIIi - ออกแบบรถยนต์ พร้อมกันกับการออกแบบนโยบาย

การเล่าเรื่องราวให้เห็นภาพแบบง่ายๆ ก็เป็นเสน่ห์ของการเล่าเรื่องแบบวอลโว่ เช่นเดียวกันกับการเล่าเรื่องราวของนโยบายให้เราเห็นภาพชัดเจน “อย่างที่เราเห็นว่าบนท้องถนนในกรุงเทพฯ ทุกวันนี้มีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่มากมาย แต่สำหรับเรา เรามองไกลกว่านั้นมาก นี่ไม่ใช่เพียงแค่การใช้พลังงานไฟฟ้าในรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นเป้าหมายทั้งหมดของ Volvo Cars ในฐานะองค์กรด้วย”

“ย้อนกลับไปในปี 2015 พูดตามตรงว่า โลกของเรากำลังประสบปัญหาในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ มีข้อตกลงปารีสเกิดขึ้น เราตระหนักได้ทันทีว่าเราเป็นส่วนเล็กๆ ของปัญหา แต่เราสามารถมีบทบาทที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ได้ในการเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา นั่นคือสิ่งที่เรามุ่งเน้น ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่เป็นกลางต่อสภาพภูมิอากาศทั่วโลกให้ได้” 

ถ้าคิดถึงอุตสาหกรรมยานยนต์แล้ว กระบวนการเริ่มต้นตั้งแต่การผลิตในโรงงานไปจนถึงการส่งออกไปจำหน่ายทั่วทุกมุมโลก “นี่ไม่ใช่ความกลัว” คุณคริสเน้นย้ำ “นี่เป็นงานที่ยิ่งใหญ่มากในการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนให้เกิดขึ้นตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของคุณ เรามีแผนที่ประสานงานกันเป็นอย่างดี โดยมี 3 เสาหลักเป็นพื้นฐาน”

 

ข้อแรกคือ การรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ “เราตั้งใจสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนให้ได้ภายในปี 2040 แต่เราตั้งเป้าที่จะลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากท่อไอเสียรถยนต์ของเราให้ได้ 50% ภายในปี 2025 ซึ่งรถยนต์ Volvo EX30 ที่พึ่งเปิดตัวไปนี้จะมีบทบาทสำคัญในการพาเราบรรลุเป้าหมายนั้นได้ พร้อมกันกับการทำงานตลอดทั้งห่วงโซ่ตั้งแต่การผลิตในโรงงาน การรับชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ และตัวแทนจำหน่าย เราตั้งเป้าหมายนี้ไปพร้อมกัน”

อย่างวอลโว่ในประเทศไทยเอง ก็มีการเริ่มต้นการใช้พลังงานสะอาดภายในองค์กรที่ตอนนี้เป้าอยู่ที่ต้องลดการใช้ไฟฟ้าให้ได้ 50% ผ่านการทำโซลาร์ฟาร์ม ณ คลังสินค้าและศูนย์จัดอบรมแบบครบวงจร Volvo Car Thailand Central Distribution & Training Center ในประเทศไทย หรืออย่างการเปิดตัวโรงจอดรถของตัวแทนผู้จำหน่ายวอลโว่ในหลายๆแห่ง ที่บนหลังคาติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ แล้วดึงพลังงานเหล่านั้นมาแปลงเป็นไฟฟ้า ต่อเข้ากับกล่องที่ผนังและเป็นพลังงานไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ต่อไปได้

 

ข้อที่สองเป็นหัวเรื่องของเศรษฐกิจหมุนเวียน “ที่เล่ามาก่อนหน้าเกี่ยวกับการใช้วัสดุก็เป็นส่วนหนึ่งในหัวเรื่องนี้ หรืออีกตัวอย่างคือ ในแบตเตอรี่ เราจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า เราใช้ทรัพยากรเหล่านั้นให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่เราสามารถทำได้ และพยายามนำกลับมาใช้ใหม่ทุกครั้งที่เป็นไปได้ อย่างการรีไซเคิลแบตเตอรี่หรือการซ่อมแซมแบตเตอรี่ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า”

“นั่นหมายความว่า ในภาพใกล้คือการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด แต่ภาพกว้างคือการช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 2,500 กิโลตันต่อปีภายในปี 2025 ด้วยหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน ดังนั้น วัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุชีวภาพจะต้องเป็นส่วนประกอบ 25% ภายในรถยนต์ของเราให้ได้ภายในปี 2025 ซึ่งนั่นเป็นเรื่องใหญ่มาก และ EX30 ก็เป็นสิ่งที่ย้ำกับเราว่า เรากำลังมาถูกทางแล้ว”

และข้อสุดท้ายคือ จริยธรรมในการดำเนินธุรกิจและความรับผิดชอบ “ผมพูดได้ว่าเรื่องนี้เรามีความโดดเด่นมากในฐานะองค์กร เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เรามุ่งเน้นมาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับค่านิยมทางจริยธรรมของเรา เช่น เรามีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดในการใช้แรงงานที่ต้องมีอายุไม่น้อยกว่าตามที่กฎหมายกำหนด หรือการให้ความสำคัญด้านความเท่าเทียมในการจ้างงานที่ไม่จำกัดเพศสภาพ  ประเด็นเหล่านี้เราไม่เพียงนำมาใช้กับภายในองค์กรเท่านั้น แต่เรายังใช้กับคู่ค้าและพันธมิตรของเราทั้งหมด เพราะการใช้ชีวิตให้ดีในทุกวันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน”

 

“ผมคิดว่าความยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญมาก” คุณคริสทิ้งท้าย “สิ่งที่วอลโว่กำลังทำอยู่ตอนนี้คือการทำให้ผู้คนมองเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีนัยยะ มีหน้าที่ในตัวของมันเอง และโดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้งาน ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้รถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายอยู่ในตลาดมอบคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่สำคัญเหนือกว่านั้นคือ รถยนต์ไฟฟ้าที่คิดรอบ ไม่ใช่แค่เรื่องกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่เรื่องพื้นฐานคือการเป็นมิตรกับผู้ใช้งานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตั้งแต่การชาร์จ การใช้งานประจำวัน ไปจนถึงการบำรุงรักษา”

“และเราต้องบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนให้ได้ เพราะผมคิดว่านั่นจะทำให้เราแตกต่างในฐานะองค์กร”

 

Text:

Nathanich C.

Nathanich C.

PHOTO:

Chanathip K.

Chanathip K.

Related Posts