Bonhomie กับคอนเสิร์ต "เกิด" ที่อยากทำให้สำเร็จก่อนอายุ 30
Bonhomie กับคอนเสิร์ต "เกิด" ที่อยากทำให้สำเร็จก่อนอายุ 30
29 มิ.ย. 2568
SHARE WITH:
29 มิ.ย. 2568
29 มิ.ย. 2568
SHARE WITH:
SHARE WITH:
Bonhomie กับคอนเสิร์ต "เกิด" ที่อยากทำให้สำเร็จก่อนอายุ 30



"Bonhomie" คือร้านเล็กๆ ที่กล้าเดินทางในเส้นทางที่ไม่มีใครอยากเดิน กับความฝันที่อยากจัดคอนเสิร์ต "เกิด"ให้สำเร็จ และอยากสนับสนุนศิลปินอิสระให้มีที่ยืนในวงการเพลงไทย

เราพาทุกคนมาย่านพหลโยธิน มีร้านเหล้าเล็กๆ ชื่อ Bonhomie ก่อตั้งโดยคนหนุ่มสาวไฟแรงที่หลงใหลในดนตรีนอกกระแส พวกเขาต้องการสร้างพื้นที่แห่งเสียงดนตรีที่ทุกคนฟังได้โดยไม่ต้องเหมือนกัน และในปีนี้ Bonhomie กำลังจะจัดคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ครั้งแรก ด้วยศรัทธาในความหลากหลาย และเชื่อว่าดนตรีดีๆ จะ “เกิด” ได้ ถ้ามีใครสักคนกล้ารับฟัง เราพูดคุยกับ ต้อง วิศิษฏ์ ศิริอักษร และ มิ้ว รัตนฉัตร์ ดำรงค์ศิรเมศร์ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของร้าน ที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการประชุมคอนเสิร์ต พร้อมกับแววตาที่เป็นประกายทุกครั้งเมื่อคุยเรื่องดนตรี

"ดนตรีที่พวกผมฟังกัน มันเป็นดนตรีที่เขาไม่ฟังกัน"
ต้อง - ความท้าทายใหญ่ในการดำเนินธุรกิจของ Bonhomie ในพาร์ทดนตรีค่อนข้างทำยากมากครับ ถ้าย้อนไปจริงๆ ผมมองว่าเราเอาความชอบมาปรับเป็นกลยุทธ์ได้ครับ ในโลกที่เต็มไปด้วยเสียงเพลงกระแสหลัก Bonhomie เลือกที่จะยืนหยัดกับดนตรีนอกกระแส ไม่ว่าจะเป็น Grunge, Indie, Modern Jazz - แนวเพลงที่หลายคนอาจเอ่ยว่า "คนบ้าไรจะฟังเพลงพวกนี้ทุกวัน"
"หากจะต้องจัดอีเวนต์อะไรสักอย่าง เราจำเป็นต้องคิดให้เยอะ ผมมองว่าตรงนี้เราต้องหากลุ่มเป้าหมาย Target Group เหล่านี้ให้เจอ ซึ่งมันก็มีข้อดีตรงที่ว่าคนเหล่านี้มี Loyalty สูง ผมรู้สึกว่าเราต้องมั่นคงในจุดยืนเหล่านี้ อะไรแบบนี้มันทำให้เราต้องคิดเป็นกลยุทธ์ แล้วพอมันลองผิดลองถูกจัดงานในร้านบ่อยๆ เราก็แม่นยำมากขึ้น"

มิ้ว – "แต่ละวันจะมีแนวเพลงไม่เหมือนกัน เราได้เรียนรู้จากนักดนตรีที่มาเล่นที่ร้าน"แทนที่จะจำกัดตัวเอง พวกเขาเลือกที่จะ "ให้แนวเพลงแต่ละวันฉีกกันไปเลย" ไม่ต้องตอบโจทย์กลุ่มไหน ผลลัพธ์ที่ได้คือ ลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งนักดนตรีก็จะมีสิทธิ์ที่จะได้ร้องเพลงที่ตัวเองอยากจะร้อง แต่เขาก็ได้สื่อสารในสิ่งที่เขาอยากสื่อสารอย่างเต็มที่ เพราะเราไม่ได้จำกัดว่าคุณต้องร้องเพลงอะไรแล้วคุณต้องร้องให้ใคร จนวงต่างๆ มีแฟนคลับของตัวเอง จะมาฟังเขาในวันนั้นๆ กลายเป็นว่ามันเป็นเวทีที่สนุก มันก็ส่งต่อให้กับคนอื่นที่ไม่ได้เคยติดตามก็มานั่งอยู่ในบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยคนฟังเพลง ชื่นชอบดนตรี จนเกิดเป็นคอมมูนิตี้อีกรูปแบบหนึ่ง"
llli พลังแห่งคอมมูนิตี้: เมื่อดนตรีเป็นภาษากลาง
มิ้ว - "ลูกค้าเราอาจจะไม่ต้องพูดคุยกันมาก หรือใส่กิจกรรมให้ร้านมันดูต้องสนุก ต้องเมาตลอดเวลา ต้องโปรโมชั่นชวนคนเข้ามาเยอะๆ แต่กลายเป็นว่าดนตรี เพลง คือแมสเซจหลัก ที่สื่อสารกับการมานั่งชิล นั่งดื่ม และจะแสดงออกผ่านการฟังว่าวันนี้ได้รู้สึกกับมันยังไง โมเมนต์แบบนี้เกิดขึ้น จนมันส่งผลดีกับร้านของเรา"
ต้อง - "หลักๆ แล้วก็คือเราคงยึดมั่นครับว่าเราชอบดนตรีแนวอินดี้ทุกประเภท และดนตรีทุกประเภทมีคนที่ติดตามศิลปิน แม้ว่าจะเป็นแค่คนเล่นดนตรีกลางคืนก็ตาม อย่างน้อยก็ต้องมี หากในวันที่คุณไม่มีลูกค้าที่ชอบร้าน แต่เรายังมีลูกค้าที่ชอบศิลปิน ปัจจัยหลักในการทำร้านของเรามีอยู่ 3 องค์ประกอบครับ ดนตรี สินค้า บรรยากาศ"

"สิ่งที่จะจัดการลูกค้าได้คือต้องมีโคงของ CRM Marketing (Customer Relationship Management - CRM) วางไว้เป็นภาพกว้าง โดยเข้าใจใน “ความสัมพันธ์ของมนุษย์” เหมือนเพื่อน และลูกค้ารู้สึกไม่แปลกแยกเวลามาอยู่ในบบรยากาศ แต่ถ้าถามในเรื่องความรู้สึกว่า ณ ตอนที่เราเริ่มต้นอยากทำ Bonhomie จริงๆมันเราอยากให้มันเป็นยังไง ให้ยึดมั่นตรงนั้นให้ดี แล้วต้องเชื่อว่าเราทำได้"
llli ร้านอยู่ดีๆ ทำไมถึง "เกิด" อยากจัดคอนเสิร์ตใหญ่?
ต้อง – "จริงๆ ต้องขอย้อนไปตอนเด็กครับ เราจะฟังเพลงแค่ที่พ่อแม่เปิดให้ก็เป็นส่วนใหญ่ หลังจากนั้นโตมาเราก็ได้เปิดโลกการฟังเพลง ผ่านเพื่อน ผ่านรุ่นพี่ ผ่านสังคม เราค้นพบว่าจริงๆ เพลงมันมีอะไรที่หลากหลายมากกว่านั้น ผมสังเกตเห็นว่าคนทุกคนฟังเพลงเขาจะฟังเพลงผ่านกรอบอะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นทุกคนครับ แต่ละคนมีรสนิยมเฉพาะตัว เช่น แนวเพลง ศิลปิน หรือเป็นคาแรคเตอร์ที่แต่ละวงสร้างขึ้น เราสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้จากการทำร้าน"

การเดินทางจากร้านเล็กๆ สู่การจัดคอนเสิร์ตใหญ่ เริ่มต้นจากเวลาเราคุยกับลูกค้านี่แหละ เหมือนกับได้ลงพื้นที่ทำ Customer Insight ในทุกวัน เพราะร้านที่เปิดเพลงหลากหลายและเปิดกว้างมาก ทำให้ได้ "เราเปิดร้านทุกวันก็เหมือนได้เก็บ Feedback ทุกวัน จนได้ชุดข้อมูลเหล่านี้มา"
"พอเราทำมาเรื่อย เรามั่นใจใน Data เราว่ามีมากพอ"เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ความฝันใหญ่เริ่มเป็นไปได้ เราอยากจะให้คนออกมาสัมผัสเพลงที่อาจจะไม่ได้คุ้นหู"
มิ้ว "เราอยากเป็นคนสร้างพื้นที่ (space) ทางดนตรีมาโดยตลอด" - นี่คือหัวใจสำคัญของ Bonhomie ที่ต้องการให้ทุกคนได้ใช้พื้นที่ในการสร้างคอมมูนิตี้การฟังเพลงที่หลากหลาย ถึงแม้ว่าจะไม่คุ้นหู แต่ก็เปิดใจฟังได้ เมื่อตัดสินใจจัดคอนเสิร์ต มันเป็นเพราะอยากให้เห็นงานคอนเสิร์ตหนึ่งที่ได้เห็นอะไรหลากหลาย เพื่อให้ทุกคนรู้ว่า เพลงถึงแม้ว่าจะนอกกระแส ในกระแส มันมีเอกลักษณ์ที่ต่างกันอย่างไร การสื่อสารกับแฟนคลับเฉพาะกลุ่มของนักดนตรีที่สร้างวัฒนธรรมของตัวเองออกมาอย่างไร ตรงนี้เป็นเรื่องที่เราว่าน่าสนใจ
llli อุปสรรคที่กลายเป็นบทเรียน "กล้าฝัน กล้าลุย คือบทเรียนสำคัญ"
ต้อง - แต่บางอย่างก็อุปสรรคมันมีอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็น การจองสถานที่ให้ได้ก็อย่างน้อยก็เป็นอุปสรรค แล้วการเงินก็เป็นอุปสรรค แล้วการจองคิวก็เป็นอุปสรรค
มิ้ว - การเป็นมือใหม่ในวงการคอนเสิร์ตมาด้วยความท้าทายมากมาย "ไม่ได้มีโปรไฟล์ในการทำงานคอนเสิร์ตขนาดนั้น" ทำให้เจอกับคำถามและความไม่เชื่อมั่นเวลาเราไปขอสปอนเซอร์ "แรกๆ เราก็อาจจะเสียใจที่แบบเอ้ย.. ทำไมไม่เชื่อที่เราพูดว่ามันเป็นไปได้" แต่ "ถ้าเราย้อนไปก็เราเป็นเบอร์ใหม่ อายุยังน้อย ไม่มีประสบการณ์ เราก็ยอมรับตรงนี้"
แต่ที่สำคัญที่ทำให้เรามีกำลังใจคือมีคนที่เห็นพวกเขาทำอะไรหลายอย่างมาตั้งแต่แรก เขาจะเชื่อมั่นในตัวพวกเขามากขึ้น "ลูกค้าหลายๆ คนของเราเขาก็มั่นใจว่าเราจะทำมันได้" รู้สึกว่าอย่างน้อยก็มีคนมั่นใจในตัวเรา ถึงเราอาจจะไม่ได้นายทุนขนาดใหญ่ แต่เรามีนายทุนเล็กๆ ของเราในทุกๆ คนที่พร้อมจะช่วย"

มิ้ว - "เราใช้ความกล้าเข้าไปติดต่อ เข้าไปคุย อธิบายสิ่งเหล่านี้ด้วยความจริงใจ แม้จะเป็นมือใหม่ แต่พวกเขาเชื่อว่าในธรรมชาติของมนุษย์ เขาไม่ได้ชอบอะไรเหมือนกัน ความหลากหลาย จะช่วยเปิดประสบการณ์ และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ วันนี้ ทุกๆ อย่าง คือ โอกาสของเราและของทุกคน ที่จะได้เรียนรู้ ฝันอย่างเดียวคงไม่พอ แต่ต้องคิดว่าต้องลงมือทำสิ่งนี้"
"การทำคอนเสิร์ตต้องเริ่มจากการติดต่อศิลปินที่จะมาเล่นในงาน ต้องศึกษาว่า "เราอยากได้วงอะไรบ้าง" และ "วางตาราง มีแผนงานให้พร้อม อธิบายอย่างตรงไปตรงมา" สิ่งที่ท้าทายคือ แต่ละค่าย แต่ละศิลปินมีกฎเกณฑ์ที่ไม่เหมือนกัน เราต้องต่อรองว่าราคานี้เล่นได้มั้ย? เขามัดจำหรือจ่ายค่าตัวกันยังไง ก็เหมือนศึกษาไปเรื่อยว่า วงนี้ต้องคุยแบบนี้ อีกวงจะต่อรองแบบนี้ หรือว่าเข้าหาค่ายที่ใหญ่ก็จะมีกฎ"
"เราต้องจัดการศิลปินแต่ละค่ายยังไงให้มาเล่นงานเดียวกันและเข้าใจในแพชชันของผู้จัดแบบเราได้อย่างไร? สุดท้ายในวงจรของคนรักดนตรี ทั้งศิลปินและคนฟัง จะได้มีภาพเดียวกัน เราต้องอธิบายให้เขาเห็นสิ่งที่มันดีต่อวงการไปในทางเดียวกัน มันจะยั่งยืนและไปต่อได้"
"ส่วนเรื่องข้อมูลทางเทคนิคต่างๆ เช่น ซาวด์ อุปกรณ์บนเวที ฯลฯ ต้องศึกษาหาข้อมูลมาเพื่อคุยกับศิลปิน หากศิลปินขออะไรพิเศษเราจัดหาได้หรือไม่ คือเราเองต้องปรับปรุงแผนงานกันเยอะ เนื่องจากที่ร้านเราพูดกันแค่สเกลเล็ก อยากให้ใครมาเล่นก็มาเลย ไม่ได้มีอะไรมาก แต่สำหรับคอนเสิร์ตมันไม่ใช่"

"เราไม่อยากให้นักดนตรีมาร่วมงานกับเราแล้วอยู่ดีๆ เราไม่พร้อม เราต้องหาวิธีที่เราพร้อมจะไปสู่การจัดคอนเสิร์ตสเกลที่ใหญ่ขึ้นให้ได้ หากนักดนตรีต้องมาเจอกับประสบการณ์แย่ๆ บนเวทีมันกลายเป็นว่ามือใหม่อย่างเราก็ยังเป็นได้แค่มือใหม่ กลายเป็นว่ามาตรฐานของเรายังรับมือกับงานระดับนี้ไม่ได้ ดังนั้นก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้"
llli สร้างพื้นที่แห่งความฝันในแบบของตัวเอง ให้ "เกิด" ได้จริง
มิ้ว - "เราจะพูดกันตลอดว่า Bonhomie จะเป็นบ้านให้กับทุกคน เราไม่ได้จะเป็นร้านให้กับใคร" และมันไม่ใช่ว่าลูกค้าเดิมจะอยู่กับเราตลอด ลูกค้าก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกตลอดเวลา แต่เราจะเป็นตัวเลือกแบบไหนให้กับเขา เราก็รู้สึกว่าถูกต้องแล้วที่เขาต้องไปที่อื่น เขาต้องได้เรียนรู้บางอย่างจากที่อื่น แล้วบางวันเขาก็ค่อยกลับมาคุยกับเราได้ เราพร้อมจะรับฟังทุกคน ไม่ว่าใครก็ตาม
ความสำเร็จที่แท้จริงคือ เมื่อเห็นลูกค้ามาด้วยกันแล้วกลายเป็นเพื่อนกัน "อันนี้คือสำเร็จมากกว่าและเติมเต็มเราไม่ต่างจากจำนวนเงินที่ได้รับ เพราะว่ามันจะทำให้คอมมูนิตี้เกิดขึ้น"
ต้อง – ผมว่าในส่วนของเรื่องคอมมูนิตี้ดนตรี แน่นอนว่าเมื่อรวมตัวกันแล้วมันก็จะกลายเป็นว่าเราในฐานะร้าน ผู้สนใจวงการดนตรี จะได้ฐานข้อมูลที่ใหญ่ขึ้น และมีหลากหลาชุดมากขึ้น จริงๆ เขาอาจจะไม่ได้ฟังเพลงเดียวกัน แต่เขาชอบแต่งตัวเหมือนกัน เขาอาจจะไม่ชอบการแต่งตัวเหมือนกัน แต่ว่าเขามีความชอบในการดูภาพยนตร์ โฆษณา ศิลปะดีไซน์ เหมือนๆกัน ซึ่งเรามองให้มันเป็นเหมือนชุดข้อมูลที่พาเราไปสู่วงการธุรกิจอื่นๆด้วย มันคืออีโคซิสเต็มมากกว่าพื้นที่ที่คอยซัพพอร์ต
ทั้งศิลปิน ร้าน แฟนเพลง ถ้าเราสร้างคอมมูนิตี้เหล่านี้ได้ เราก็จะได้เห็นอะไรที่มันใหม่ เพลงที่ครีเอทีฟ ดเป็น Ecosystem ของธุรกิจขึ้น โดยมีดนตรีเป็นสื่อกลาง "ถ้าคอมมูนิตี้เล็กๆ มันอยู่แยกกัน มันจะไม่ส่งผลอะไรเลย”

"เมื่อวางอคติลง เราจะฟังเพลงเพราะขึ้น" สะท้อนให้เห็นถึงพลังของการเปิดใจ การยอมรับความแตกต่าง และการเรียนรู้สิ่งใหม่ สำหรับพวกเขา ความสำเร็จไม่ได้วัดจากขนาดธุรกิจ แต่วัดจาก ความสามารถในการสร้างพื้นที่ให้คนได้มาเจอกัน เรียนรู้กัน และเติบโตไปด้วยกัน เด็กในวัย 20 กว่าก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความฝันใหญ่สามารถเป็นจริงได้ ถ้าเรากล้าเดินในเส้นทางที่เราเชื่อ มีความจริงใจต่อสิ่งที่เรารัก
วันนี้ ทุกคนมีโอกาสที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ นอกจากดนตรีแล้วเราสามารถเปลี่ยนโลกไปในทางที่ดีขึ้น เริ่มต้นจากการเปิดใจให้กว้าง และกล้าที่จะฝันใหญ่ เพราะความฝันทุกใบไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ล้วนมีคุณค่าและสามารถเป็นจริงได้
Bonhomie จึงเป็นพื้นที่ที่มากกว่าร้านเหล้า ที่เปิดใจรับฟังผู้คนด้วยการยอมรับและเข้าใจ มาร่วมให้กำลังใจกับการทำคอนเสิร์ตนี้ให้ “เกิด”เพลงนอกกระแสได้มีชีวิตชีวา และเมื่อเราทำในสิ่งที่เรา”เชื่อ”ด้วยความจริงใจ คนรอบข้างจะรู้สึกได้ และคนที่รักดนตรีตัวจริงจะมาร่วมเดินทางไปด้วยกัน

“เกิด" คอนเสิร์ต 2025” คอนเสิร์ตที่ตามใจผู้ฟังที่สุด พร้อมสนับสนุนศิลปินไทยอินดี้แบบจัดเต็ม! เตรียมระเบิดความม่วนนนน! 12 ชั่วโมงเต็ม 27 กรกฎาคมนี้ ณ JJ HALL จตุจักร กรุงเทพฯ
เปลี่ยนกรุงเทพให้เป็นกรุงม่วน เตรียมตัวให้พร้อมกับที่สุดของคอนเสิร์ตที่แฟนเพลงสายอินดี้ต้องห้ามพลาด! #เกิดคอนเสิร์ต 2025 มหกรรมดนตรีครั้งใหญ่ที่รวมศิลปินอินดี้คุณภาพจัดเต็มบนเวทีกว่า 12 ชั่วโมงเต็ม งานนี้ขนทัพศิลปินสายอินดี้ และอีสานอันเดอร์กราวด์มากันแบบแน่นเวที ไม่ว่าจะเป็น SLUR, Solitude is Bliss, มนัสวีร์, Anatomy Rabbit, YONLAPA, T_047, KIKI, AOMSIN & THE BOY, Tie a Tie พร้อมไฮไลต์ปิดท้ายงานกับโชว์สุดม่วนโดยราชินีลำซิ่งแห่งยุค “ลำไย ไหทองคำ” ที่จะมาสร้างความสนุกให้เวทีลุกเป็นไฟทั้งร้อง ทั้งเต้นแบบจัดเต็ม!
🗓️ วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 2568 , 🕐 ตั้งแต่เวลา 12.00 – 24.00 น. ,📍 ณ JJ HALL, จตุจักร กรุงเทพฯ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: เกิดคอนเสิร์ต และ Instagram: Kerd_Concert. ซื้อบัตรได้ที่นี่! : https://connextickets.me/event/kerd-concert
"Bonhomie" คือร้านเล็กๆ ที่กล้าเดินทางในเส้นทางที่ไม่มีใครอยากเดิน กับความฝันที่อยากจัดคอนเสิร์ต "เกิด"ให้สำเร็จ และอยากสนับสนุนศิลปินอิสระให้มีที่ยืนในวงการเพลงไทย

เราพาทุกคนมาย่านพหลโยธิน มีร้านเหล้าเล็กๆ ชื่อ Bonhomie ก่อตั้งโดยคนหนุ่มสาวไฟแรงที่หลงใหลในดนตรีนอกกระแส พวกเขาต้องการสร้างพื้นที่แห่งเสียงดนตรีที่ทุกคนฟังได้โดยไม่ต้องเหมือนกัน และในปีนี้ Bonhomie กำลังจะจัดคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ครั้งแรก ด้วยศรัทธาในความหลากหลาย และเชื่อว่าดนตรีดีๆ จะ “เกิด” ได้ ถ้ามีใครสักคนกล้ารับฟัง เราพูดคุยกับ ต้อง วิศิษฏ์ ศิริอักษร และ มิ้ว รัตนฉัตร์ ดำรงค์ศิรเมศร์ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของร้าน ที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการประชุมคอนเสิร์ต พร้อมกับแววตาที่เป็นประกายทุกครั้งเมื่อคุยเรื่องดนตรี

"ดนตรีที่พวกผมฟังกัน มันเป็นดนตรีที่เขาไม่ฟังกัน"
ต้อง - ความท้าทายใหญ่ในการดำเนินธุรกิจของ Bonhomie ในพาร์ทดนตรีค่อนข้างทำยากมากครับ ถ้าย้อนไปจริงๆ ผมมองว่าเราเอาความชอบมาปรับเป็นกลยุทธ์ได้ครับ ในโลกที่เต็มไปด้วยเสียงเพลงกระแสหลัก Bonhomie เลือกที่จะยืนหยัดกับดนตรีนอกกระแส ไม่ว่าจะเป็น Grunge, Indie, Modern Jazz - แนวเพลงที่หลายคนอาจเอ่ยว่า "คนบ้าไรจะฟังเพลงพวกนี้ทุกวัน"
"หากจะต้องจัดอีเวนต์อะไรสักอย่าง เราจำเป็นต้องคิดให้เยอะ ผมมองว่าตรงนี้เราต้องหากลุ่มเป้าหมาย Target Group เหล่านี้ให้เจอ ซึ่งมันก็มีข้อดีตรงที่ว่าคนเหล่านี้มี Loyalty สูง ผมรู้สึกว่าเราต้องมั่นคงในจุดยืนเหล่านี้ อะไรแบบนี้มันทำให้เราต้องคิดเป็นกลยุทธ์ แล้วพอมันลองผิดลองถูกจัดงานในร้านบ่อยๆ เราก็แม่นยำมากขึ้น"

มิ้ว – "แต่ละวันจะมีแนวเพลงไม่เหมือนกัน เราได้เรียนรู้จากนักดนตรีที่มาเล่นที่ร้าน"แทนที่จะจำกัดตัวเอง พวกเขาเลือกที่จะ "ให้แนวเพลงแต่ละวันฉีกกันไปเลย" ไม่ต้องตอบโจทย์กลุ่มไหน ผลลัพธ์ที่ได้คือ ลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งนักดนตรีก็จะมีสิทธิ์ที่จะได้ร้องเพลงที่ตัวเองอยากจะร้อง แต่เขาก็ได้สื่อสารในสิ่งที่เขาอยากสื่อสารอย่างเต็มที่ เพราะเราไม่ได้จำกัดว่าคุณต้องร้องเพลงอะไรแล้วคุณต้องร้องให้ใคร จนวงต่างๆ มีแฟนคลับของตัวเอง จะมาฟังเขาในวันนั้นๆ กลายเป็นว่ามันเป็นเวทีที่สนุก มันก็ส่งต่อให้กับคนอื่นที่ไม่ได้เคยติดตามก็มานั่งอยู่ในบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยคนฟังเพลง ชื่นชอบดนตรี จนเกิดเป็นคอมมูนิตี้อีกรูปแบบหนึ่ง"
llli พลังแห่งคอมมูนิตี้: เมื่อดนตรีเป็นภาษากลาง
มิ้ว - "ลูกค้าเราอาจจะไม่ต้องพูดคุยกันมาก หรือใส่กิจกรรมให้ร้านมันดูต้องสนุก ต้องเมาตลอดเวลา ต้องโปรโมชั่นชวนคนเข้ามาเยอะๆ แต่กลายเป็นว่าดนตรี เพลง คือแมสเซจหลัก ที่สื่อสารกับการมานั่งชิล นั่งดื่ม และจะแสดงออกผ่านการฟังว่าวันนี้ได้รู้สึกกับมันยังไง โมเมนต์แบบนี้เกิดขึ้น จนมันส่งผลดีกับร้านของเรา"
ต้อง - "หลักๆ แล้วก็คือเราคงยึดมั่นครับว่าเราชอบดนตรีแนวอินดี้ทุกประเภท และดนตรีทุกประเภทมีคนที่ติดตามศิลปิน แม้ว่าจะเป็นแค่คนเล่นดนตรีกลางคืนก็ตาม อย่างน้อยก็ต้องมี หากในวันที่คุณไม่มีลูกค้าที่ชอบร้าน แต่เรายังมีลูกค้าที่ชอบศิลปิน ปัจจัยหลักในการทำร้านของเรามีอยู่ 3 องค์ประกอบครับ ดนตรี สินค้า บรรยากาศ"

"สิ่งที่จะจัดการลูกค้าได้คือต้องมีโคงของ CRM Marketing (Customer Relationship Management - CRM) วางไว้เป็นภาพกว้าง โดยเข้าใจใน “ความสัมพันธ์ของมนุษย์” เหมือนเพื่อน และลูกค้ารู้สึกไม่แปลกแยกเวลามาอยู่ในบบรยากาศ แต่ถ้าถามในเรื่องความรู้สึกว่า ณ ตอนที่เราเริ่มต้นอยากทำ Bonhomie จริงๆมันเราอยากให้มันเป็นยังไง ให้ยึดมั่นตรงนั้นให้ดี แล้วต้องเชื่อว่าเราทำได้"
llli ร้านอยู่ดีๆ ทำไมถึง "เกิด" อยากจัดคอนเสิร์ตใหญ่?
ต้อง – "จริงๆ ต้องขอย้อนไปตอนเด็กครับ เราจะฟังเพลงแค่ที่พ่อแม่เปิดให้ก็เป็นส่วนใหญ่ หลังจากนั้นโตมาเราก็ได้เปิดโลกการฟังเพลง ผ่านเพื่อน ผ่านรุ่นพี่ ผ่านสังคม เราค้นพบว่าจริงๆ เพลงมันมีอะไรที่หลากหลายมากกว่านั้น ผมสังเกตเห็นว่าคนทุกคนฟังเพลงเขาจะฟังเพลงผ่านกรอบอะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นทุกคนครับ แต่ละคนมีรสนิยมเฉพาะตัว เช่น แนวเพลง ศิลปิน หรือเป็นคาแรคเตอร์ที่แต่ละวงสร้างขึ้น เราสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้จากการทำร้าน"

การเดินทางจากร้านเล็กๆ สู่การจัดคอนเสิร์ตใหญ่ เริ่มต้นจากเวลาเราคุยกับลูกค้านี่แหละ เหมือนกับได้ลงพื้นที่ทำ Customer Insight ในทุกวัน เพราะร้านที่เปิดเพลงหลากหลายและเปิดกว้างมาก ทำให้ได้ "เราเปิดร้านทุกวันก็เหมือนได้เก็บ Feedback ทุกวัน จนได้ชุดข้อมูลเหล่านี้มา"
"พอเราทำมาเรื่อย เรามั่นใจใน Data เราว่ามีมากพอ"เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ความฝันใหญ่เริ่มเป็นไปได้ เราอยากจะให้คนออกมาสัมผัสเพลงที่อาจจะไม่ได้คุ้นหู"
มิ้ว "เราอยากเป็นคนสร้างพื้นที่ (space) ทางดนตรีมาโดยตลอด" - นี่คือหัวใจสำคัญของ Bonhomie ที่ต้องการให้ทุกคนได้ใช้พื้นที่ในการสร้างคอมมูนิตี้การฟังเพลงที่หลากหลาย ถึงแม้ว่าจะไม่คุ้นหู แต่ก็เปิดใจฟังได้ เมื่อตัดสินใจจัดคอนเสิร์ต มันเป็นเพราะอยากให้เห็นงานคอนเสิร์ตหนึ่งที่ได้เห็นอะไรหลากหลาย เพื่อให้ทุกคนรู้ว่า เพลงถึงแม้ว่าจะนอกกระแส ในกระแส มันมีเอกลักษณ์ที่ต่างกันอย่างไร การสื่อสารกับแฟนคลับเฉพาะกลุ่มของนักดนตรีที่สร้างวัฒนธรรมของตัวเองออกมาอย่างไร ตรงนี้เป็นเรื่องที่เราว่าน่าสนใจ
llli อุปสรรคที่กลายเป็นบทเรียน "กล้าฝัน กล้าลุย คือบทเรียนสำคัญ"
ต้อง - แต่บางอย่างก็อุปสรรคมันมีอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็น การจองสถานที่ให้ได้ก็อย่างน้อยก็เป็นอุปสรรค แล้วการเงินก็เป็นอุปสรรค แล้วการจองคิวก็เป็นอุปสรรค
มิ้ว - การเป็นมือใหม่ในวงการคอนเสิร์ตมาด้วยความท้าทายมากมาย "ไม่ได้มีโปรไฟล์ในการทำงานคอนเสิร์ตขนาดนั้น" ทำให้เจอกับคำถามและความไม่เชื่อมั่นเวลาเราไปขอสปอนเซอร์ "แรกๆ เราก็อาจจะเสียใจที่แบบเอ้ย.. ทำไมไม่เชื่อที่เราพูดว่ามันเป็นไปได้" แต่ "ถ้าเราย้อนไปก็เราเป็นเบอร์ใหม่ อายุยังน้อย ไม่มีประสบการณ์ เราก็ยอมรับตรงนี้"
แต่ที่สำคัญที่ทำให้เรามีกำลังใจคือมีคนที่เห็นพวกเขาทำอะไรหลายอย่างมาตั้งแต่แรก เขาจะเชื่อมั่นในตัวพวกเขามากขึ้น "ลูกค้าหลายๆ คนของเราเขาก็มั่นใจว่าเราจะทำมันได้" รู้สึกว่าอย่างน้อยก็มีคนมั่นใจในตัวเรา ถึงเราอาจจะไม่ได้นายทุนขนาดใหญ่ แต่เรามีนายทุนเล็กๆ ของเราในทุกๆ คนที่พร้อมจะช่วย"

มิ้ว - "เราใช้ความกล้าเข้าไปติดต่อ เข้าไปคุย อธิบายสิ่งเหล่านี้ด้วยความจริงใจ แม้จะเป็นมือใหม่ แต่พวกเขาเชื่อว่าในธรรมชาติของมนุษย์ เขาไม่ได้ชอบอะไรเหมือนกัน ความหลากหลาย จะช่วยเปิดประสบการณ์ และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ วันนี้ ทุกๆ อย่าง คือ โอกาสของเราและของทุกคน ที่จะได้เรียนรู้ ฝันอย่างเดียวคงไม่พอ แต่ต้องคิดว่าต้องลงมือทำสิ่งนี้"
"การทำคอนเสิร์ตต้องเริ่มจากการติดต่อศิลปินที่จะมาเล่นในงาน ต้องศึกษาว่า "เราอยากได้วงอะไรบ้าง" และ "วางตาราง มีแผนงานให้พร้อม อธิบายอย่างตรงไปตรงมา" สิ่งที่ท้าทายคือ แต่ละค่าย แต่ละศิลปินมีกฎเกณฑ์ที่ไม่เหมือนกัน เราต้องต่อรองว่าราคานี้เล่นได้มั้ย? เขามัดจำหรือจ่ายค่าตัวกันยังไง ก็เหมือนศึกษาไปเรื่อยว่า วงนี้ต้องคุยแบบนี้ อีกวงจะต่อรองแบบนี้ หรือว่าเข้าหาค่ายที่ใหญ่ก็จะมีกฎ"
"เราต้องจัดการศิลปินแต่ละค่ายยังไงให้มาเล่นงานเดียวกันและเข้าใจในแพชชันของผู้จัดแบบเราได้อย่างไร? สุดท้ายในวงจรของคนรักดนตรี ทั้งศิลปินและคนฟัง จะได้มีภาพเดียวกัน เราต้องอธิบายให้เขาเห็นสิ่งที่มันดีต่อวงการไปในทางเดียวกัน มันจะยั่งยืนและไปต่อได้"
"ส่วนเรื่องข้อมูลทางเทคนิคต่างๆ เช่น ซาวด์ อุปกรณ์บนเวที ฯลฯ ต้องศึกษาหาข้อมูลมาเพื่อคุยกับศิลปิน หากศิลปินขออะไรพิเศษเราจัดหาได้หรือไม่ คือเราเองต้องปรับปรุงแผนงานกันเยอะ เนื่องจากที่ร้านเราพูดกันแค่สเกลเล็ก อยากให้ใครมาเล่นก็มาเลย ไม่ได้มีอะไรมาก แต่สำหรับคอนเสิร์ตมันไม่ใช่"

"เราไม่อยากให้นักดนตรีมาร่วมงานกับเราแล้วอยู่ดีๆ เราไม่พร้อม เราต้องหาวิธีที่เราพร้อมจะไปสู่การจัดคอนเสิร์ตสเกลที่ใหญ่ขึ้นให้ได้ หากนักดนตรีต้องมาเจอกับประสบการณ์แย่ๆ บนเวทีมันกลายเป็นว่ามือใหม่อย่างเราก็ยังเป็นได้แค่มือใหม่ กลายเป็นว่ามาตรฐานของเรายังรับมือกับงานระดับนี้ไม่ได้ ดังนั้นก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้"
llli สร้างพื้นที่แห่งความฝันในแบบของตัวเอง ให้ "เกิด" ได้จริง
มิ้ว - "เราจะพูดกันตลอดว่า Bonhomie จะเป็นบ้านให้กับทุกคน เราไม่ได้จะเป็นร้านให้กับใคร" และมันไม่ใช่ว่าลูกค้าเดิมจะอยู่กับเราตลอด ลูกค้าก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกตลอดเวลา แต่เราจะเป็นตัวเลือกแบบไหนให้กับเขา เราก็รู้สึกว่าถูกต้องแล้วที่เขาต้องไปที่อื่น เขาต้องได้เรียนรู้บางอย่างจากที่อื่น แล้วบางวันเขาก็ค่อยกลับมาคุยกับเราได้ เราพร้อมจะรับฟังทุกคน ไม่ว่าใครก็ตาม
ความสำเร็จที่แท้จริงคือ เมื่อเห็นลูกค้ามาด้วยกันแล้วกลายเป็นเพื่อนกัน "อันนี้คือสำเร็จมากกว่าและเติมเต็มเราไม่ต่างจากจำนวนเงินที่ได้รับ เพราะว่ามันจะทำให้คอมมูนิตี้เกิดขึ้น"
ต้อง – ผมว่าในส่วนของเรื่องคอมมูนิตี้ดนตรี แน่นอนว่าเมื่อรวมตัวกันแล้วมันก็จะกลายเป็นว่าเราในฐานะร้าน ผู้สนใจวงการดนตรี จะได้ฐานข้อมูลที่ใหญ่ขึ้น และมีหลากหลาชุดมากขึ้น จริงๆ เขาอาจจะไม่ได้ฟังเพลงเดียวกัน แต่เขาชอบแต่งตัวเหมือนกัน เขาอาจจะไม่ชอบการแต่งตัวเหมือนกัน แต่ว่าเขามีความชอบในการดูภาพยนตร์ โฆษณา ศิลปะดีไซน์ เหมือนๆกัน ซึ่งเรามองให้มันเป็นเหมือนชุดข้อมูลที่พาเราไปสู่วงการธุรกิจอื่นๆด้วย มันคืออีโคซิสเต็มมากกว่าพื้นที่ที่คอยซัพพอร์ต
ทั้งศิลปิน ร้าน แฟนเพลง ถ้าเราสร้างคอมมูนิตี้เหล่านี้ได้ เราก็จะได้เห็นอะไรที่มันใหม่ เพลงที่ครีเอทีฟ ดเป็น Ecosystem ของธุรกิจขึ้น โดยมีดนตรีเป็นสื่อกลาง "ถ้าคอมมูนิตี้เล็กๆ มันอยู่แยกกัน มันจะไม่ส่งผลอะไรเลย”

"เมื่อวางอคติลง เราจะฟังเพลงเพราะขึ้น" สะท้อนให้เห็นถึงพลังของการเปิดใจ การยอมรับความแตกต่าง และการเรียนรู้สิ่งใหม่ สำหรับพวกเขา ความสำเร็จไม่ได้วัดจากขนาดธุรกิจ แต่วัดจาก ความสามารถในการสร้างพื้นที่ให้คนได้มาเจอกัน เรียนรู้กัน และเติบโตไปด้วยกัน เด็กในวัย 20 กว่าก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความฝันใหญ่สามารถเป็นจริงได้ ถ้าเรากล้าเดินในเส้นทางที่เราเชื่อ มีความจริงใจต่อสิ่งที่เรารัก
วันนี้ ทุกคนมีโอกาสที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ นอกจากดนตรีแล้วเราสามารถเปลี่ยนโลกไปในทางที่ดีขึ้น เริ่มต้นจากการเปิดใจให้กว้าง และกล้าที่จะฝันใหญ่ เพราะความฝันทุกใบไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ล้วนมีคุณค่าและสามารถเป็นจริงได้
Bonhomie จึงเป็นพื้นที่ที่มากกว่าร้านเหล้า ที่เปิดใจรับฟังผู้คนด้วยการยอมรับและเข้าใจ มาร่วมให้กำลังใจกับการทำคอนเสิร์ตนี้ให้ “เกิด”เพลงนอกกระแสได้มีชีวิตชีวา และเมื่อเราทำในสิ่งที่เรา”เชื่อ”ด้วยความจริงใจ คนรอบข้างจะรู้สึกได้ และคนที่รักดนตรีตัวจริงจะมาร่วมเดินทางไปด้วยกัน

“เกิด" คอนเสิร์ต 2025” คอนเสิร์ตที่ตามใจผู้ฟังที่สุด พร้อมสนับสนุนศิลปินไทยอินดี้แบบจัดเต็ม! เตรียมระเบิดความม่วนนนน! 12 ชั่วโมงเต็ม 27 กรกฎาคมนี้ ณ JJ HALL จตุจักร กรุงเทพฯ
เปลี่ยนกรุงเทพให้เป็นกรุงม่วน เตรียมตัวให้พร้อมกับที่สุดของคอนเสิร์ตที่แฟนเพลงสายอินดี้ต้องห้ามพลาด! #เกิดคอนเสิร์ต 2025 มหกรรมดนตรีครั้งใหญ่ที่รวมศิลปินอินดี้คุณภาพจัดเต็มบนเวทีกว่า 12 ชั่วโมงเต็ม งานนี้ขนทัพศิลปินสายอินดี้ และอีสานอันเดอร์กราวด์มากันแบบแน่นเวที ไม่ว่าจะเป็น SLUR, Solitude is Bliss, มนัสวีร์, Anatomy Rabbit, YONLAPA, T_047, KIKI, AOMSIN & THE BOY, Tie a Tie พร้อมไฮไลต์ปิดท้ายงานกับโชว์สุดม่วนโดยราชินีลำซิ่งแห่งยุค “ลำไย ไหทองคำ” ที่จะมาสร้างความสนุกให้เวทีลุกเป็นไฟทั้งร้อง ทั้งเต้นแบบจัดเต็ม!
🗓️ วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 2568 , 🕐 ตั้งแต่เวลา 12.00 – 24.00 น. ,📍 ณ JJ HALL, จตุจักร กรุงเทพฯ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: เกิดคอนเสิร์ต และ Instagram: Kerd_Concert. ซื้อบัตรได้ที่นี่! : https://connextickets.me/event/kerd-concert
Text:
Chanathip K
Chanathip K
PHOTO:
Mashlab.co
Mashlab.co
Related Posts


จากทุ่งหญ้าไอร์แลนด์ที่อุดมสมบูรณ์ สู่รสชาติระดับโลกอย่างยั่งยืน
จากทุ่งหญ้าไอร์แลนด์ที่อุดมสมบูรณ์ สู่รสชาติระดับโลกอย่างยั่งยืน
จากทุ่งหญ้าไอร์แลนด์ที่อุดมสมบูรณ์ สู่รสชาติระดับโลกอย่างยั่งยืน


ZANPU: เมื่อชิ้นผ้าเหลือใช้จากการตัดเย็บ กลายเป็นแฟชั่นที่ยั่งยืน
ZANPU: เมื่อชิ้นผ้าเหลือใช้จากการตัดเย็บ กลายเป็นแฟชั่นที่ยั่งยืน
ZANPU: เมื่อชิ้นผ้าเหลือใช้จากการตัดเย็บ กลายเป็นแฟชั่นที่ยั่งยืน


